posttoday

‘จิ้งจอกเก้าหาง’

08 มิถุนายน 2557

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว มี “กูมิโฮ” ตนหนึ่ง นามว่า “กูวอลรยอง” ได้บำเพ็ญเพียรมาครบ 1,000 ปี

โดย...เพียงออ วิไลย [email protected]

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว มี “กูมิโฮ” ตนหนึ่ง นามว่า “กู-วอล-รยอง” ได้บำเพ็ญเพียรมาครบ 1,000 ปี จนมีฤทธิ์อำนาจได้เป็นผู้พิทักษ์ผืนป่าเขาและเหล่าสรรพสัตว์จากภัยอันตรายต่างๆ ในค่ำคืนหนึ่งเขาสังเกตเห็นผืนป่ามีความผิดปกติจึงรีบรุดไปดู และพบแม่หญิง “ยุน-ซอ-ฮวา ???” ธิดาขุนนางชาวโชซอนกำลังหนีตายจากการไล่ล่าของกลุ่มชายฉกรรจ์อย่างหัวซุกหัวซุน...จะเป็นเพราะเจ้ากรรมนายเวรตามทัน หรือเพราะตำนานโบราณดั้งเดิมของ จีน เกาหลี และ ญี่ปุ่น เล่าต่อกันมาว่า “กูมิโฮ” ต้องมีจิตใจดีและช่วยเหลือมนุษย์ “กูวอลรยอง” จึงได้ช่วยเหลือนาง โดยมิเฉลียวใจเลยว่า ความพินาศจากจิตใจอันกลับกลอกของมนุษย์ (หญิง) นั้น กำลังจะมาถึงตน...(Cr.: ซีรีส์ Kangchi, the beginning of Gu family Book, MBC, 2013.)

สามประเทศใกล้เคียงในเอเชียตะวันออก คือ จีน เกาหลี และญี่ปุ่น มักมีความ เกี่ยวพันกันเสมอ ทั้งในแง่ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง ประวัติศาสตร์ วรรณกรรม รวมไปถึงตำนานปรัมปราก็ยังมีเรื่องราวของ “กูมิโฮจิ้งจอกเก้าหาง” ที่คล้ายคลึงและเล่าสืบต่อกันมานับพันปี ...ความว่า เมื่อสุนัขจิ้งจอกสามารถบำเพ็ญเพียรและอยู่มาได้จนครบ 1,000 ปี ก็จะสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ในรูปร่างหน้าตาแบบใดก็ได้ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์อำนาจเหนือดินฟ้าอากาศและทรงพลัง ในตำนานของจีนและญี่ปุ่นกล่าวไว้ว่า จิ้งจอกพันปีเป็น “อมนุษย์” ที่ดี ที่คอยช่วยเหลือมนุษย์ โดยมากจะเป็นเพศเมีย และสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ผู้หญิงได้ บางครั้งก็แปลงร่างเพื่อมาแต่งงานกับมนุษย์ผู้ชายที่นางต้องการตอบแทนบุญคุณให้ (ถึงเป็นจิ้งจอกก็มีหัวใจนะ)

‘จิ้งจอกเก้าหาง’

 

ทว่า ในตำนานเกาหลีช่วงหลังๆ กลับแปลงเรื่องราวของกูมิโฮ ตามแบบมนุษย์หมาป่าฝรั่ง คือ กระหายเลือด ล่ามนุษย์กินเป็นมังสาหาร ส่วนใหญ่จะแปลงร่างเป็นหญิงสาวสวยสะคราญเพื่อออกล่าเหยื่อเหมือนเสือสมิงของไทย หากชายใดเคลิบเคลิ้มหลงใหล เพราะราคะโมหะกำเริบจนขาดสติที่จะดูให้ดีว่านางนั้นมิใช่มนุษย์จริง ในคืนวันวิวาห์เมื่อเจ้าสาวถอดเสื้อผ้าออก ก็จะคืนร่างเป็นนังจิ้งจอก แล้วเจ้าบ่าวหมาดๆ ก็จะต้องสูญเสียอวัยวะสำคัญได้แก่ หัวใจและตับ ไปอย่างช่วยไม่ทัน... ส่วนวิธีดูว่าเป็นจิ้งจอกพันปีแปลงร่างมาหรือไม่นั้น ตำราบอกว่า ให้ดูจากลักษณะของร่างกาย คือ แม้ว่าแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้จริงแต่ไม่เหมือนทั้งหมด อวัยวะบางส่วนจะมีลักษณะคล้ายจิ้งจอก เช่น ใบหูหรือจมูกหรือตา เรียวยาวคล้ายสุนัขจิ้งจอก หรือ มีฟันแหลมคม ฯลฯ

ดังนั้น ในภาษาเกาหลีจึงมีคำแสลง เรียกสาวเจ้าเล่ห์ว่า “กูมิโฮนังจิ้งจอกเก้าหาง” ...จะเป็นคำหยอกล้อชมเชย หรือจะเป็นคำผรุสวาทขึ้นกับบริบทของการสนทนา ต้องฟังให้ดีค่ะ ส่วนนัยของการมีเก้าหางนั้น อาจเป็นเพราะอยู่มานานจนหางงอกออกมาเก้าหางและเมื่อครบเก้าหางเมื่อไรก็จะได้เป็นมนุษย์เสียทีก็เป็นได้... ทว่า ตำนานโบราณยุคโชซอนเล่าว่า เอาล่ะ หาก “กูมิโฮ” อยากจะกลายเป็นมนุษย์จริงๆ ไม่ต้องแอบล่ะก็ เรามีวิธีการ... “กูมิโฮ” ตนนั้น จะต้องปวารณา งดเว้นการฆ่าและเว้นเสพเนื้อสัตว์ 100 วัน และในระหว่างนั้นต้องถือสันโดษห้ามแสดงตัวตนจริงให้ใครเห็นเด็ดขาด ขณะเดียวกันหากใครต้องการความช่วยเหลือจะต้องเข้าช่วยในทันที...(ผูกเงื่อนซะยากเลย) ..

‘จิ้งจอกเก้าหาง’

 

หากผิดจากนี้ข้อหนึ่งข้อใดแล้วไซร้ “กูมิโฮ” ตนนั้นจะต้องกลายเป็นปิศาจจิ้งจอกที่ชั่วร้ายไปอีก 1,000 ปี ...นี่ไงล่ะ สุดท้ายแล้ว “กูวอลรยอง” กูมิโฮผู้ใจดี ตอนต้นเรื่อง ก็เลยต้องพ่ายแพ้แก่ชะตากรรม และกลายเป็นปิศาจจิ้งจอกที่ดุร้าย เพราะ แม่หญิง “ยุน-ซอ-ฮวา” ที่ตนรักกลับทรยศ เมื่อรู้ว่าสามีตนนั้นแท้จริงแล้วเป็นอมนุษย์ ก็ลืมนึกถึงบุญคุณและความดีที่มีให้เสมอมา กลับไปพาทหารมาล้อมจับ...หากมองด้วยใจเป็นธรรม ไม่ว่าจะอยู่ ต่างชาติต่างภพต่างภูมิต่างมิติต่างเผ่าพันธุ์ “ความดีที่ให้แก่กันก็ยังคือความดี” ...แล้วมนุษย์เหมือนกัน ต่างกันเพียงแค่ความคิดและสี จะไม่สามารถมีความดีให้แก่กันได้กระนั้นฤๅ......

‘จิ้งจอกเก้าหาง’