posttoday

“เมื่อเมิร์สมาเยือน”

14 มิถุนายน 2558

แล้วกำหนดการที่จะเดินทางไปเกาหลีกลางเดือน มิ.ย.นี้ ของ “เชกา” พร้อมทีมคณาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

โดย...เพียงออ วิไลย [email protected]

แล้วกำหนดการที่จะเดินทางไปเกาหลีกลางเดือน มิ.ย.นี้ ของ “เชกา” พร้อมทีมคณาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเป็นอันต้องพับไปก่อนหลังจากที่เลื่อนมาตั้งแต่ต้นเดือน เหตุหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจได้ในที่สุดคือ อาจารย์แม่จากมหาวิทยาลัยฮันยางได้ส่งสาสน์ตอบกลับมาว่า “ที่จริงสถานการณ์ MERS ไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่เลื่อนเถอะนะ ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า”...

เป็นปกติที่ต้องอ่านใจกันเล็กน้อยสำหรับการสื่อสารในภาษาและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เมื่อแปลได้ว่า...มีความเสี่ยง อย่ามาเลยจะดีกว่า...จึงเข้าใจว่าอาจารย์แม่ท่านก็กังวลเหมือนกัน เพราะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตัวท่านก็เข้าข่ายผู้สูงอายุที่เสี่ยงติดเชื้อเสียด้วย... ส่วนคณะเดินทางของเราน่ะ ไม่กลัวเป็นหวัดตายจริง แต่เกรงใจเจ้าบ้านมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่จะไปเยือนต่างหาก ไหนเขาต้องมาเป็นกังวลว่าพวกเราจะป้องกันตนเองดีพอไหม หรือหากเราไปรับเชื้อจนมีอันเป็นไป เจ้าบ้านคงจะรู้สึกผิดเป็นแน่...

กำหนดการไปคราวนี้ เราตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องเดินทางเหนือจรดใต้แวะเยี่ยมมหาวิทยาลัยต่างๆ 6 แห่ง เพื่อกระชับสัมพันธ์ในกลุ่มประเทศอาเซียนบวกสาม และหวังจะได้นักศึกษากับโครงการแลกเปลี่ยนกลับมาด้วย พลาดเวลาไป 1 ภาคการศึกษา... น่าเสียดายแต่ถ้าตายเสียก่อนก็คงไม่มีโอกาสหน้า ...หัวหน้าคณะเดินทางท่านเลยสั่งการว่า ยกเลิกไปก่อน ส่วนเรื่องงานใช้การประชุมออนไลน์เอา แม้ว่ามันจะไม่เห็นของจริงเหมือนทานต้มยำที่ไม่ใส่มะนาวกับน้ำปลาดี แต่ก็ดีที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้...อีกอย่าง เรายังไม่อยากจะได้รหัสประจำตัว

“เมื่อเมิร์สมาเยือน”

 

ผู้ป่วยเมิร์สเกาหลีจะได้หมายเลขประจำตัวเป็นรหัส ซึ่งจะทำให้รู้ได้ว่า เจ้าตัวร้ายไวรัสเมิร์สในคนไข้ไหนเป็นลูกหลานของผู้ป่วยรายใด ซึ่งก็เป็นการดีที่ปกปิดข้อมูลส่วนตัวของคนไข้ไว้ได้ แต่ส่วนที่พลาดตรงที่ไม่เปิดเผยข้อมูลชื่อโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยแพร่กระจายเชื้อ จึงทำให้ระบาดไปได้ทั่วประเทศนั้น คงเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเพราะเกาหลีไม่ค่อยจะมีโรคระบาดร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิตมานานแล้ว ...ด้วยเหตุนี้เชื้อโรคจึงแพร่ไปในวงรอบๆ ผู้ป่วยหมายเลข 1 และขยายทวีคูณต่อไปอีกหลายๆ วง

อีกสาเหตุหนึ่งคือ ผู้ป่วยเองไม่ยอมบอกความจริง เช่น ชายรหัสหมายเลข 1 ไม่แจ้งโรงพยาบาลตามความเป็นจริงว่า ตนเองไปประเทศที่มีเชื้อไวรัสระบาด ทำให้แพทย์ไม่ได้ตรวจเชื้อเมิร์สให้เขาตั้งแต่แรก ผ่านไปสิบกว่าวันก็แสดงอาการชัดเจน แต่ก็สายไปที่จะป้องกันการแพร่ระบาด นอกจากนั้นยังพบว่ามีผู้ป่วยอีกหลายราย ไม่ได้แจ้งแก่แพทย์ตามจริง ว่าตนเคยไปรักษาในโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยหมายเลข 1 นอนป่วยอยู่ กว่าจะรู้เชื้อก็ได้แพร่กระจายต่อไปแล้ว เช่น ผู้ป่วยรหัส 89 หลังจากเข้าโรงพยาบาลเดียวกับหมายเลข 1 ยังตระเวนไปตรวจอีก 3 โรงพยาบาลโดยไม่บอกความจริง ทำให้มีผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับเขาโดยขาดการป้องกันถึง 367 คน ทั้งนี้ อาการเริ่มต้นมีลักษณะคล้ายโรคระบบทางเดินหายใจมีไข้สูงไอ หายใจหอบ หายใจขัด ถ่ายเหลว ...วาจาสุภาษิตเป็นความดีงามจริงแท้ค่ะ เมื่อใดที่เราเผชิญกับสถานการณ์ร้ายแรงเช่นนี้ หากทุกคน “ทำความดีทางวาจา” กล่าวแต่ความจริง ความจริงจะช่วยรักษาชีวิตของคนหมู่มากไว้ได้ค่ะ...