posttoday

ทีมนักวิทยาศาสตร์เยอรมันเตรียมศึกษาชิ้นส่วนสมองของเหยื่อนาซี

09 พฤษภาคม 2560

สถาบันวิทยาศาสตร์เยอรมันเตรียมศึกษาสมองเหยื่อผู้เสียชีวิตจากโครงการลับของนาซี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

สถาบันวิทยาศาสตร์เยอรมันเตรียมศึกษาสมองเหยื่อผู้เสียชีวิตจากโครงการลับของนาซี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

ในยุคสมัยที่นาซีเรืองอำนาจ ความพิการ, โรคประจำตัว และอาการเจ็บป่วยทางจิตเป็นสัญลักษณ์บ่งชี้ถึงความต้อยต่ำทางเชื้อชาติ ในช่วงเวลานั้นคาดกันว่ามีผู้คนกว่าหลายแสนคนที่ต้องถูกคุมขังจากสิ่งที่พวกเขาเป็น และนำไปสู่ความตายในท้ายที่สุด แต่ขณะนี้ชิ้นส่วนสมองของพวกเขาที่ถูกเก็บสะสมเอาไว้หลังเสียชีวิต กำลังจะถูกนำมาศึกษาอีกครั้ง

ตัวอย่างของสมองจะถูกใช้เพื่อค้นหาอัตลักษณ์ของผู้เสียชีวิตจากโครงการลับของนาซีนี้ โดยชิ้นส่วนของสมองทั้งหมดถูกสไลด์เก็บรักษาเอาไว้ที่สถาบันวิทยาศาสตร์ Max Planck Society ซึ่งโครงการดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการระดมทุน และคาดกันว่าจะใช้เวลานาน 3 ปี ในการตรวจสอบชิ้นส่วนสมองทั้งหมดจำนวนหลายพันชิ้นเพื่อหาคำตอบ

โครงการดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Aktion T4 โดยมีแนวคิดมาจากพรรคนาซีที่ยึดติดเกี่ยวกับสายพันธุ์บริสุทธิ์ของพวกเขา แน่นอนว่าความบกพร่องทางพันธุกรรมทั้งหลายถูกมองว่าเป็นความด้อยของวิวัฒนาการที่ต้องถูกจำกัด ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จำนวนมากเสียชีวิตจากโปรแกรมลับนี้ และเอกสารทั้งหลายก็มีอยู่เพียงน้อยนิดเนื่องจากถูกทำลายไปหมด

ในช่วงสงคราม หลังเหยื่อเหล่านี้เสียชีวิต สมองของพวกเขาจะถูกส่งต่อไปยังสถาบันวิจัยสมอง Kaiser Wihelm เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์ของนาซีทำการศึกษา หลังสงครามสิ้นสุดลงสถาบัน Max Planck Society เข้ารับช่วงต่อแทน และเก็บรักษาตัวอย่างสมองเหล่านี้ไว้

ช่วงปี 1980 ทีมนักวิจัยได้ทำการศึกษาสมองหลายร้อยชิ้น ที่เสียชีวิตในช่วงปี 1933 - 1945 จากนั้นพวกเขาจึงได้สร้างอนุสรณ์สถานเอาไว้ให้แก่เหยื่อผู้เสียชีวิต ในปี 1990

และในปี 2015 ทางสถาบันตัดสินใจที่จะทำการศึกษาสมองของเหยื่อผู้เสียชีวิตเหล่านี้ให้มากยิ้งขึ้น เพื่อให้พวกเขาถูกฝังในสถานที่ที่เหมาะสม โดยทางสถาบันระบุว่าพวกเขาต้องการหาว่าเหยื่อผู้เสียชีวิตเหล่านี้เป็นใคร ตลอดจนพวกเขาถูกใช้ในการทดลองของนาซี ภายใต้โครงการลับอย่างไร ซึ่งปัจจุบันทางสถาบันมีตัวอย่างของชิ้นส่วนสมองมากกว่า 24,000 ชิ้น ที่จะขอความร่วมมือกับองค์กรนานาชาติในการตรวจสอบ

ทั้งนี้โครงการดังกล่าวนำมาซึ่งค่าใช้จ่ายประมาณ 1.6 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และคาดกันว่าจะใช้เวลาดำเนินการ 3 ปี อย่างไรก็ตามสิ่งที่ได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องคุ้มค่าหากจะเปิดเผยข้อมูลของบรรดาเหยื่อผู้เสียชีวิตที่ถูกเก็บเงียบมานานกว่า 70 ปี