การค้าที่มั่นคง
โดย กริช อุ๊งวิฑูรย์สถิตย์
มีเพื่อนๆแฟนคลับเขียนไลน์มาถามผม ยังมีบางท่านใช้โทรศัพพ์มาถามว่า อยากไปลงทุนทำการค้าที่ประเทศเพื่อนบ้าน จะทำอย่างไร บางท่านก็ถามว่าจะเอาโน่นนี่นั่นไปขาย จะดีมั้ย ขายได้มั้ย เป็นคำถามที่ผมได้รับมาบ่อยมาก เรียนกันตามตรงนะครับ
ผมไม่ใช่กูรูหรือผู้เชี่ยวชาญอะไรมากมายหรอกครับ สิ่งที่ผมไม่รู้นั้นมีอีกมาก บางเรื่องที่ไม่ใช่อยู่ในสายธุรกิจที่ผมทำการค้าหรือเคยทำมาก่อน ผมจะไม่รู้เลยครับ ถ้าธุรกิจที่ผมมีประสบการณ์มาก่อนหรือที่ทำอยู่ ผมสามารถตอบได้ ผมตอบให้อย่างแน่นอน เปิดเผย ตรงไปตรงมา ไม่มีปิดบังแม้แต่สักนิดเลยละครับ
สิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับตัวผมเองจริงๆครับ ผมจะเล่าพร้อมทั้งเป็นการตอบคำถามของท่านแฟนคลับบางท่านไปด้วยนะครับ
มีอยู่เรื่องที่น่าสนใจที่มีท่านหนึ่งถามมา คือ ท่านอยากจะไปเปิดบริษัททำการค้า โดยจะขายผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ทั้งจะเป็นเป็นคลีนิคเสริมความงามไปในตัว บอกตามตรงว่าแม้จะนอกไลน์ที่ผมทำอยู่ในปัจจุบัน แต่ถ้าขายเครื่องสำอางค์เล็กๆน้อยๆนั้น ผมเคยทำอยู่บ้าง แต่เครื่องสำอางค์ที่ผมขายนั้น เป็นการขายในราคาที่ต่ำที่อยู่ในตลาดล่างเท่านั้น
ส่วนเครื่องสำอางค์ที่ตลาดสูงขึ้นไปอีกนิด ผมก็จ้องๆอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ลงไปค้าเลย มีแต่เข้าไปดูในตลาดอยู่บ้าง ก็จะขอนำเอามาแชร์ให้ผู้ที่สนใจได้รับทราบนะครับ บางท่านอาจจะได้ประโยชน์ เพราะอยากทำอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องเสียเวลาไปสำรวจตลาด หรืออาจนำไปเป็นข้อมูลบ้าง
ส่วนท่านที่ไม่มีความเกี่ยวข้อง หรือไม่ได้มีความคิดจะเข้าสู่วงการนี้ ก็อ่านเอาสนุกๆมันๆก็แล้วกันนะครับ เอาเป็นว่าขำๆก็พอครับ
ตลาดล่างของเครื่องสำอางค์ อันนี้ง่ายครับ โดยมากจะมีขายตามแผงลอยในตลาดทั่วไป ที่อยู่บนแผงลอยที่ขายในตลาดเหล่านี้ จะมีขายสินค้าในครัวเรือนเช่นสบู่ ยาสีฟัน เครื่องสำอางค์ทั่วไป และขนมนมเนยมีหมด ตลาดทั่วไปนั้นมักจะมีอยู่ทั่วไปในทุกๆเมือง ทุกๆหมู่บ้าน อีกทั้งภายในตลาดก็จะมีหมด ทั้งเครื่องสังฆภัณฑ์ เสื้อผ้า อาหารแห้ง อาหารสด เนื้อหมู เห็ด เป็ดไก่ ผักสด ผลไม้สดเป็นต้น
โดยในตลาดทั่วไปนั้น เจ้าภาพในการก่อสร้างตั้งต้นตลาดจะเป็นภาครัฐเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ทุกๆแห่งจะมีแพล็ตฟอร์มเดียวกันหมดเลยครับ ไม่มีอะไรแตกต่างกันมากนัก ซึ่งจะแตกต่างจากบ้านเรามาก ที่บ้านเรามักจะมีร้านขายของชำอยู่ตามหมู่บ้าน อำเภอ หรือ ในเมือง และจะเป็นการดำเนินการโดยเอกชนล้วนๆ
ภาครัฐจะไม่เข้ามาสร้างร้านค้าให้ (ซึ่งถ้ารัฐบาลทำร้านค้า ก็มักจะไปไม่รอดหมด) ส่วนสินค้าระดับสูงหรือตลาดบน ในอดีตจะไม่ค่อยมีมากนัก จะเริ่มมีให้เห็นก็ประมาณสักสิบปีที่ผ่านมานี้เองครับ
จากการเริ่มมีห้างสรรพสินค้าและซุปเปอร์มาเก็ตเกิดขึ้นในประเทศเมียนมาครับ ในอดีตเราจะเห็นที่ย่างกุ้งก็จะอยู่ที่ตลาดโบโช๊ะอองซาน หรือ ที่คนไทยเรามักเรียกว่าตลาดสก๊อตนั่นแหละครับ โดยจะอยู่ด้านข้างตลาดทั้งสองข้างถนนที่วนอยู่ในตลาดนั่นแหละครับ
โดยจะเปิดเป็นร้านค้าเล็กๆ คล้ายๆร้านขายของชำบ้านเรา เพียงแต่มีสาวบีอาร์ หรือ สาวเชียร์แต่งตัวฉูดฉาดนิดหน่อย แต่งหน้าทาปากบ้างเล็กน้อย ต่อมาก็มีที่ชั้นสามตลาดยู ซอนน่าพลาซ่า ซึ่งก็จะเป็นร้านที่มีตู้โชว์บ้างเล็กน้อย เป็นที่รู้กัน และที่ตลาดนี้ในอดีตเครื่องสำอางค์มีสทีนของไทยเราก็เคยมาตั้งสาขาที่นี่ อยู่ชั้นล่างสุดของตลาด และอยู่เยื้องๆร้านผมเอง
ซึ่งในตอนนั้นผมก็เข้าไปเปิดร้านที่นี่เช่นกัน ด้านหน้าตลาดยังมีร้านค้าส่งเครื่องสำอางค์ ในร้านจะมีตู้โชว์เครื่องสำอางค์ตลาดบนอยู่บ้างเช่นกันครับ คล้ายๆกับตลาดสก๊อตเลยครับ ต่อมาพอห้างสรรพสินค้าเริ่มเปิดก็เริ่มมีตู้โชว์ของเครื่องสำอางค์แบรนด์เนมก็เข้ามาสู่ตลาดเมียนมามากขึ้นการแข่งขันก็เริ่มรุนแรงขึ้นมาก คราวนี้นอกจากจะมีตู้โชว์แล้ว ยังเริ่มมีร้านค้าที่เป็นร้านขายแบรนด์ของตนเองเลยก็เริ่มมีให้เห็นแล้วครับ
ต่อมาอิทธิพลของเกาหลีเริ่มเข้ามาสู่ตลาดเมียนมา ทำให้วัยรุ่นเมียนมาคลั่งไคล้ไหลหลงกันมาก ดังนั้นเครื่องสำอางค์ตลาดบนที่มาจากเกาหลีใต้ก็หลั่งไหลเข้าสู่ตลาดครับ คราวนี้ตลาดแข่งขันกันดุเดือดพอควร แต่ถ้ามองในแง่ดี ตลาดเริ่มยอมรับเครื่องสำอางค์มากขึ้น เพราะในอดีตเราจะพบแต่สาวๆทาหน้าแต่ทานาคา ใครทาหน้าทาปากแดงๆ ก็จะมองว่าเป็นพวกอาชีพพิเศษหมด
ดังนั้นในยุคนั้น(อยู่ในยุคที่ผมยังหนุ่มแน่น)มองไปทางใน ก็จะเจอะเจอแต่สาวหน้าเหลืองอ๋อยด้วยทานาคา พวกเรายังแซวกันเล่นว่า "ที่ย่างกุ้งหาสาวๆสวยๆไม่เจอเลย แต่อยู่ไปนานๆ พอชินตาสาวๆจึงจะเริ่มสวยขึ้นเอง"
แต่มาวันนี้ย่างกุ้งเปลี่ยนไป สาวสวยเดินตามห้างสรรพสินค้าเยอะมาก โดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้าชื่อดังๆ คนที่เคยบ่นก็เลยหันมามองหน้ากัน แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วก็บ่นอีกว่า "มาเจอไม้งาม เมื่อยามขวานบิ่นซะแล้วตู"