ไอเดียธุรกิจเปลี่ยนชีวิตคนงานของ Veja รองเท้าแห่งความยั่งยืน
รองเท้ารักษ์โลกสัญชาติฝรั่งเศสที่เคารพทั้งมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
เปล่า! เราไม่ได้หมายความว่ารองเท้าที่เรากำลังจะพูดถึงใช้ทนทาน ยั่งยืนนานจนไม่ต้องซื้อใหม่เพราะความยั่งยืนที่เราหมายถึง คือ Sustainability หรือความยั่งยืนของระบบนิเวศ เป็นความยั่งยืนที่ช่วยให้โลกของเรารอดพ้นจากหายนะทางสิ่งแวดล้อม รองเท้าที่เราพูดถึงเป็นผลผลิตของการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ Sustainable development ซึ่งเป็นกรอบการพัฒนาที่ทำลายโลกน้อยที่สุด และสร้างความสุขให้มนุษย์ สัตว์ และพืชบนโลกนี้อย่างเท่าเทียมกัน
รองเท้าที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้คือ Veja
Veja เป็นรองเท้าผ้าใบสัญชาติฝรั่งเศส ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2005 โดย เซบาสเตียน ค็อปป์ กับ ฟรองซัว-กีสแลง มอริลยง เพื่อนสนิทที่คบหากันมาตั้งแต่เด็ก และความเป็นเพื่อนที่คิดอะไรคล้ายๆ กันในเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน ชักนำให้คนทั้งคู่ทำให้สิ่งที่ไม่เหมือนคนอื่นขึ้นมา
เพราะสิ่งที่เห็นทำให้ทนไม่ได้
พวกเขาเล่าว่า เมื่อปี 2003 พวกเขาอายุได้ 25 ปี ได้มีโอกาสไปร่วมตรวจสอบผลกระทบทางสังคม (Social audit) ของแบรนด์แฟชั่นสัญชาติฝรั่งเศสรายหนึ่ง พวกเขาได้เดินทางไปยังประเทศจีน และได้คลุกคลีอยู่กับคนงานในโรงงานนานถึง 3 วัน คนงานดูซีดเซียวและอ่อนล้า แต่สภาพโรงงานสะอาดสะอ้าน สภาพแวดล้อมในการทำงานค่อนข้างดีเลยทีเดียว
การตรวจสอบเป็นไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งพวกเขาขอดูที่พักของคนงาน ตอนแรกผู้ดูแลปฏิเสธ แต่หลังจากพวกเขาโต้เถียงและรบเร้าที่จะดูให้ได้ ผู้ดูแลจึงยอมเปิดประตูให้เข้าไปดู
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผู้ตรวจการจากฝรั่งเศสทั้งสองคน ก็คือ ห้องขนาด 25 ตร.ม. มีคนงานชาวจีน 32 คนนอนรวมกัน พร้อมกับมีเตียง 5 ชั้น ตรงกลางห้อง มีหลุมที่กันไว้ให้เป็นทั้งห้องอาบน้ำและห้องน้ำ
ในวันนั้นพวกเขาถึงได้ตระหนักว่า โลกาภิวัตน์กำลังมุ่งไปผิดทาง เขาบอกว่า “คนงานเหล่านี้ทำเสื้อผ้าให้เราใส่ทุกวัน เสื้อผ้าที่คนเรารู้จัก ครอบครัวของเรา เพื่อนของเราใส่กัน จะต้องมีอะไรสักอย่างที่ผิดพลาดไปแน่ๆ”
โลกสองขั้วของวงการแฟชั่น
สิ่งที่พวกเขากำลังจะบอกคือ ขณะที่คนในโลกตะวันตกมีเสื้อผ้าหรูๆ ใส่กัน คนงานที่ทำเสื้อผ้าเหล่านี้ในประเทศกำลังพัฒนากลับมีชีวิตที่เลวร้าย เพราะเจ้าของทุนขูดรีดพวกเขา มันคือการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน เพราะบั่นทอนชีวิตของคนงานอย่างอยุติธรรมที่สุด
ในปี 2003 บริษัทใหญ่ๆ เริ่มพูดถึงการพัฒนาที่ยั่งยืนกันบ้างแล้ว แต่ยังไม่มีใครลงมือทำกันจริงๆ จังๆ ทว่า สองหนุ่มได้ทำงานร่วมกับบริษัท AlterEco ของฝรั่งเศส ซึ่งทำสินค้าที่ค้าขายอย่างเป็นธรรม คือไม่กดขี่ผู้ผลิตและไม่เบียดเบียนผู้บริโภค หรือที่เรียกว่า Fair trade (ค้าขายเป็นธรรม) โดยนำสินค้าจากเกษตรกรทั่วทุกมุมโลกมาจัดจำหน่ายแบบแฟร์ๆ พวกเขาได้ทำการตรวจสอบระบบของบริษัทนี้ จนพบว่านี่แหละคือทางออกของการทำธุรกิจล่ะ
แต่พวกเขาอยากจะทำอะไรที่แตกต่างจากสินค้าแฟร์ เทรดแบบเดิมๆ ที่เน้นสินค้าเกษตร พวกเขาบอกว่า “เราคิดว่าเราควรพยายามสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ แต่เป็นวัตถุที่เป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัยเรา เราต้องการที่จะรื้อความหมายเดิมๆ ของมันทิ้งไปซะ และก่อร่างสร้างตัวตนของมันขึ้นมาใหม่ และต่อมาจึงค่อยๆ ปรากฏชัดต่อเราว่า สิ่งที่ว่านั้นคือรองเท้าผ้าใบแบบใหม่สุด”
ทำไมต้องเป็นรองเท้าผ้าใบ?
ก็เพราะพวกเขาชอบมัน และเป็นสิ่งที่ใส่กันทุกวัน เป็นสัญลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ในการผลิตรองเท้าผ้าใบโดยแบรนด์ใหญ่ๆ ต้นทุน 70% เสียไปกับการโฆษณา มีเพียง 30% ที่เป็นต้นทุนวัตถุดิบและการผลิต และนี่คือสิ่งที่ Veja รองเท้าผ้าใบแห่งความยังยืนไม่มี นั่นคือการโฆษณา แล้วโยกต้นทุนการโฆษณาไปสนับสนุนต้นทุนวัตถุดิบ และค่าแรงของผู้ที่ทำรองเท้าขึ้นมา เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และให้ค่าแรงกับแรงงานอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ใช่การขุดรีดในโรงงานนรกอย่างที่พวกเขาเคยพบเห็นมา
"เราต้องการสร้างรองเท้าผ้าใบที่เคารพทั้งมนุษย์และสิ่งแวดล้อม"
Veja ผลิตขึ้นจากยางจากต้นยางพารา ที่ไม่ใช่ยางที่ปลูกเพื่ออุตสาหกรรม แต่เป็นยางที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และใช้ผลผลิตโดยชุมชนคนในป่าอเมซอน ไม่มีการโค่นต้นไม่ และไม่มีการถางที่ทำกินในป่าฝนอันล้ำค่า ส่วนผ้าก็ทำขึ้นจากฝ้ายออร์แกนิคในบราซิลเช่นเดียวกัน ซึ่งปลูกแบบไร้สารเคมีและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
นอกจากรองเท้าผ้าใบแล้ว พวกเขายังผลิตรองเท้าหนังที่ฟอกหนังด้วยกรรมวิธีธรรมชาติ สำหรับคนที่ต่อต้านการฆ่าและทรมานสัตว์ พวกเขายังผลิต Vegan shoes โดยส่วนที่เป็นหนังที่เรียกว่า Vegan suede จะเห็นได้ว่า นอกจากจะเป็นมิตรกับโลกแล้วยังเป็นมิตรกับคนรักสัตว์ด้วย
พวกเขาเปิดเผยว่า 2 สิ่งสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญไปควบคู่กันคือระบบนิเวศและความยุติธรรมในสังคม
ตอนนี้แบรนด์ทำงานร่วมกับร้านค้าปลีกมากกว่า 2,500 แห่งในกว่า 45 ประเทศ สำหรับสไตล์ของรองเท้านั้นจะเน้นความเรียบง่าย ออกแบบให้ใส่ได้ทุกวัน อย่างเช่นรุ่น Esplar ซึ่งเปิดตัวในปี 2010 และยังคงขายดีมาจนถึงทุกวันนี้ รวมถึง Campo style ที่ปล่อยออกมาเมื่อปี 2019 ก็เป็นหนึ่งในรุ่นที่ขายดีที่สุดเช่นกัน ซึ่งธุรกิจยังคงเติบโตต่อไปเรื่อยๆ ด้วยยอดขายมากกว่า 550,000 คู่ต่อปี
เมื่อเดือนมีนาคม 2021 Veja ยังได้รับรางวัล Global Vision Awards ซึ่งเป็นรางวัลที่จะมอบให้แก่บริษัท องค์กร หรือบุคคลที่มีความก้าวหน้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนและความรับผิดชอบ ด้วยเหตุผลที่ว่า Veja ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวล้อมในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะให้ความเป็นธรรมต่อทั้งแรงงานและผู้จัดหาวัตถุดิบ
ภาพโดย Veja