ร้องรัฐขึ้นค่าแรง ข้าราชการ-ครูในอังกฤษกว่าครึ่งล้าน หยุดงานประท้วง
ครู ข้าราชการ และคนขับรถไฟในสหราชอาณาจักรกว่าครึ่งล้านคนหยุดงานประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปี พร้อมระบุว่าหากรัฐบาลยืนกรานไม่ขึ้นค่าแรง การประท้วงจะยืดเยื้อต่อออกไปอีก
การหยุดงานประท้วงครั้งใหญ่เกิดขึ้นทั่วสหราชอาณาจักร หลายโรงเรียนต้องปิดการเรียนการสอน รถไฟส่วนใหญ่หยุดให้บริการ ขณะที่กองทัพต้องเตรียมความพร้อมตามแนวชายแดนเพื่อให้ความช่วยเหลือสำหรับการประท้วงที่เรียกว่า "Walkout Wednesday"
จากข้อมูลของสหภาพแรงงาน ผู้เข้าร่วมประท้วงมีจำนวนกว่า 500,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เยอะที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 ที่ข้าราชการลงถนนประท้วง โดยในการชุมนุมครั้งนี้ จำนวนครูที่เข้าร่วมมีมากถึง 300,000 คน นับเป็นชนกลุ่มใหญ่ที่สุดในการประท้วงครั้งนี้
Hannah Rice วัย 32 ปี ครูโรงเรียนประถมที่เข้าร่วมการเดินขบวนประท้วง กล่าวว่า ด้วยจำนวนผู้เข้าร่วมการชุมนุมในครั้งนี้ เธอหวังว่าจะสามารถส่งสารไปยังรัฐบาลได้
“รัฐควรละอายบ้างกับวิธีรับมือและจัดการสิ่งต่างๆ เห็นอยู่ทนโท่ว่าประชาชนไม่มีความสุข มันก็ชัดเจนไหมว่าต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง” Hannah Rice กล่าว
ขณะที่ทางฝั่งนายกรัฐมนตรี Rishi Sunak ประณามการนัดหยุดงานว่าทำให้เด็กหลายล้านคนต้องขาดเรียน
“มันชัดเจนนะว่าการศึกษาเป็นสิ่งมีค่าสำหรับเด็กๆ และพวกเขาสมควรที่จะต้องอยู่ที่โรงเรียนในวันนี้เพื่อเข้ารับการเรียนการสอน” Rishi Sunak กล่าว
รัฐบาลภายใต้การนำทีมของ Sunak แสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อการเรียกร้องของสหภาพแรงงาน โดยอ้างว่าหากยอมทำตามข้อเรียกร้องในการขึ้นค่าแรงจะยิ่งทำให้ปัญหาเงินเฟ้อของอังกฤษโหมกระพือ
สหภาพแรงงาน PCS ซึ่งเป็นตัวแทนของข้าราชการพลเรือนประมาณ 100,000 คนจาก 120 หน่วยงานรัฐบาลยังส่งคำเตือนว่าจะมีการนัดหยุดงานเพิ่มต่อไปอีกหากรัฐบาลยืนกรานไม่ขึ้นค่าแรง
“ถ้ารัฐยังนิ่งเฉย เราจะได้เห็นการประท้วงแบบวันนี้อีก โดยสหภาพอื่นๆจะทยอยตามมาสมทบ” Mark Serwotka เลขาธิการสหภาพแรงงาน PCS กล่าว
ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงกว่า 10% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ทศวรรษของสหราชอาณาจักร การหยุดงานประท้วงเพื่อเรียกร้องการขึ้นค่าแรงจึงทยอยเกิดขึ้นทั่วประเทศ ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่วงข้าราชการเท่านั้น แต่บรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอื่นๆ อย่าง แพทย์ พยาบาล หรือนักดับเพลิง ก็เล็งออกมาเคลื่อนไหวในช่วงสัปดาหฺ์หน้าด้วยเช่นกัน