ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงหลังตัวเลขขายปลีกเดือนมกราคาเพิ่มขึ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลงเมื่อวันพุธ ขณะที่เงินดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นตามอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรกระทรวงการคลัง หลังจากที่ข้อมูลระบุว่ายอดขายปลีกของสหรัฐฯ เดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง
หลังจากการลดลงสองครั้งต่อเดือน กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่ายอดขายปลีกเพิ่มขึ้น 3.0% ในเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021 หลังจากลดลง 1.1% ในเดือนธันวาคม
เมื่อเทียบกับข้อมูลเมื่อวันอังคารทีผ่านมา ที่แสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนมกราคมปรับตัวสูงขึ้น หลักฐานการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายของผู้บริโภคได้กระตุ้นความกังวลว่าเฟดจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้นานกว่าที่นักลงทุนบางคนคาดการณ์ไว้ว่าจะชะลออัตราเงินเฟ้อลงได้
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ลดลง 79.56 จุด หรือ 0.23% เหลือ 34,009.71 จุด, S&P 500 (.SPX) ลดลง 2.26 จุด หรือ 0.05% เป็น 4,133.87 จุด และ Nasdaq Composite (.IXIC) เพิ่ม 64.76 จุด หรือ0.54% เป็น 12,024.90 จุด
ด้านราคาน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลง เนื่องจากตลาดได้ประเมินการเพิ่มขึ้นของสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จากการปรับข้อมูล ขณะที่การคาดการณ์ว่าอุปสงค์ในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันดิบของสหรัฐปรับลดลง 0.59% ที่ 78.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และเบรนท์สิ้นสุดที่ 85.38 ดอลลาร์
ขณะที่ราคาทองคำได้แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมด้วยแรงกดดันจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทองคำแท่งลดลง 1.0% ที่ 1,835.56 เหรียญต่อออนซ์ โกลด์ฟิวเจอร์สของสหรัฐลดลง 1.06% เหลือ 1,834.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์