“HYBE” ค่ายเพลงเกาหลี ทุบกำแพงทางภาษาด้วย AI
โปรดิวเซอร์จากค่ายเพลง HYBE ต้นสังกัดวงบอยแบนด์ K-POP ระดับโลกอย่าง BTS ได้นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ผสมผสานเข้ากับเสียงร้องของศิลปินชาวเกาหลีใต้จนสามารถสร้างสรรค์ผลงานเพลงใน 6 ภาษาที่แตกต่างกัน
เทคโนโลยีที่ค่ายเพลง HYBE ซึ่งเป็นค่ายเพลงที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ใช้ ทำให้พวกเขาสามารถเปิดตัวศิลปินใหม่ของค่ายอย่าง “MIDNATT” ซึ่งสามารถปล่อยผลงานเพลงได้ใน 6 ภาษา ทั้งภาษาเกาหลี ภาษาอังกฤษ ภาษาสเปน ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น และภาษาเวียดนาม
ที่ผ่านมา นอกจากภาษาเกาหลีซึ่งเป็นภาษาแม่แล้วแล้ว ศิลปิน K-POP บางส่วน อาจเลือกปล่อยผลงานเพลงในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น แต่การใช้เทคโนโลยีใหม่ของ HYBE ด้วยการเผยแพร่ผลงานเพลงพร้อมกันถึง 6 ภาษา ถือเป็นครั้งแรกที่เคยเกิดขึ้นในระดับโลก ซึ่งอาจเป็นตัวช่วยปูทางให้ศิลปิน K-POP ได้รับความนิยมมากขึ้นและเชื่อมต่อกับแฟนคลับจากหลายพื้นที่ที่มีความแตกต่างกันทางด้านภาษาได้มากขึ้นกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม Chung Wooyong หัวหน้าฝ่ายสื่ออินเทอร์แอคทีฟของ HYBE กล่าวว่า ต้องรอดูเสียงตอบรับจากผู้ฟังก่อน จึงจะสามารถตัดสินใจได้ว่าควรดำเนินโครงการนี้ต่อไปอย่างไร
Lee Hyun วัย 40 ปี ถือเป็นผู้อยู่เบื้องหลังโครงการ MIDNATT นี้ ได้นำความสามารถของปัญญาประดิษฐ์มาจำลองเสียงร้องและพัฒนาเพลง ‘Masquerade’ ที่ถ่ายทอดออกมาใน 6 ภาษาด้วยกัน โดยในขั้นตอนการบันทึกเสียง เจ้าของภาษานั้นๆจะมีส่วนเข้ามาช่วยอ่านเนื้อเพลง ก่อนจะให้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยผสมผสานเสียงร้องกับดนตรีเข้าด้วยกันในภายหลัง
เพลง ‘Masquerade’ นับเป็นหนึ่งในสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เริ่มเข้ามามีอิทธิพลมากขึ้นในอุตสาหกรรมเพลง
ขณะที่ Choi Hee-doo ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Supertone ชี้ว่า การใช้เทคโนโลยี deep learning หรือการเรียนรู้แบบอัตโนมัติซึ่งเลียนแบบการทำงานจากโครงข่ายประสาทของมนุษย์ และขับเคลื่อนด้วยเฟรมเวิร์ก Neural Analysis and Synthesis (NANSY) ทำให้เสียงร้องดูเป็นธรรมชาติและสมจริงมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ซอฟต์แวร์อื่นที่ไม่ใช้ปัญญาประดิษฐ์
ทั้งนี้ ในเดือนมกราคม HYBE ประกาศซื้อกิจการ Supertone ด้วยมูลค่า 45 พันล้านวอน โดยระบุว่ามีแผนที่จะทำให้สาธารณะชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี AI ได้ แต่ยังไม่มีรายละเอียดว่าค่ายเพลงดังกล่าวจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการใช้งานหรือไม่