OECD เพิ่มคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตทั่วโลกในปี 2023 พร้อมหั่นปี 2024
OECD แถลงคาดการณ์เมื่อวันอังคารว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาดกำลังช่วยควบคุมการชะลอตัวทั่วโลกในปีนี้ แต่เศรษฐกิจจีนที่อ่อนตัวลงคาดว่าจะเป็นอุปสรรคใหญ่ในปีหน้า
องค์การเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ หรือ OECD กล่าวในการอัปเดตล่าสุดของการคาดการณ์สำหรับประเทศเศรษฐกิจหลัก ๆว่า หลังจากขยายตัว 3.3% ในปีที่แล้ว การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศทั่วโลกคาดว่าจะชะลอตัวลงเหลือ 3.0% ในปีนี้
แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะเป็นการปรับปรุงจาก 2.7% ในแนวโน้มเดือนมิถุนายนของ OECD แต่คาดว่าการเติบโตทั่วโลกจะชะลอตัวลงเหลือ 2.7% ในปี 2567 ลดลงจากประมาณการที่ 2.9% ในเดือนมิถุนายน
OECD ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในปารีสระบุว่าขณะนี้คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโต 2.2% ในปีนี้ แทนที่จะเป็น 1.6% ตามที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมิถุนายน เนื่องจากการเติบโตของสหรัฐฯ มีความยืดหยุ่นมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้เมื่อเผชิญกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐก็มีแนวโน้มว่าจะชะลอตัวในปีหน้าเหลือ 1.3% แม้ว่าจะดีกว่าที่คาดไว้ที่ 1.0% ในปี 2567 ในเดือนมิถุนายนก็ตาม
โดยภาพรวมของสหรัฐฯ ที่ดีขึ้นในปีนี้ ช่วยชดเชยความอ่อนแอในจีนและยูโรโซน ซึ่งถูกเยอรมนีซึ่งเป็นเศรษฐกิจหลักเพียงแห่งเดียวที่คาดว่าจะอยู่ในภาวะถดถอยลากตัวเลขรวมลงมา
ทั้งนี้ OECD คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวจาก 5.1% ในปีนี้เหลือ 4.6% ในปีหน้า เนื่องจากโมเมนตัมจากการสิ้นสุดข้อจำกัดด้านโควิดลดลง และตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงประสบปัญหา ในเดือนมิถุนายน OECD คาดการณ์การเติบโต 5.4% ในปีนี้และ 5.1% ในปีหน้า
ขณะเดียวกัน OECD ปรับลดแนวโน้มการเติบโตของยูโรโซนในปีนี้เหลือเพียง 0.6% จาก 0.9% ในเดือนมิถุนายน แต่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นในปีหน้าเป็น 1.1% - ลดลงจาก 1.5% ในเดือนมิถุนายน - ในขณะที่เยอรมนีกลับมาเติบโตอีกครั้ง
แม้ว่าแนวโน้มการเติบโตในปีหน้าส่วนใหญ่จะอ่อนแอ แต่ OECD กล่าวว่าธนาคารกลางควรคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงจนกว่าสัญญาณที่ชัดเจนจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะลดลง