สงครามราคากดดันยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมรถ EV (2)

05 ตุลาคม 2566

สงครามตลาดยานยนต์ไฟฟ้ายังไม่จบแค่เรื่องราคา แต่ยังมีเรื่องแรงงานเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยสหภาพแรงงานของสหรัฐฯ เรียกร้องให้บริษัทต่างๆจ่ายค่าแรงเพิ่มขึ้น ซึ่งหากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายอมทำตามข้อเรียกร้อง ต้นทุนการผลิตรถจะเพิ่มขึ้นราว 3,000-5,000 ดอลลาร์

จีนยังกุมความได้เปรียบในตลาดรถ EV

สงครามในตลาดยานยนต์ไฟฟ้ายังไม่จบแค่เรื่องราคา แต่ยังมีเรื่องแรงงานเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยสหภาพแรงงานของสหรัฐฯได้มีการเรียกร้องให้บริษัทต่างๆจ่ายค่าแรงเพิ่มขึ้น รวมถึงต้องรับประกันความปลอดภัยของแรงงานในการทำงาน

หากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯยอมทำตามข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงาน นั่นหมายความว่าราคารถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 3,000-5,000 ดอลลาร์ (ราว 1.1 - 1.85 แสนบาท) และจะส่งผลกระทบต่อเป็นโดมิโน่ทั้งกับผู้ผลิตและผู้บริโภค

แม้การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะใช้จำนวนแรงงานที่น้อยกว่าการผลิตรถยนต์สันดาป แต่ต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ากลับมีราคาที่สูงกว่ามาก จากวัสดุที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่ซึ่งค่อนข้างหาได้ยากและมีราคาแพง ซึ่งจีนถือว่ายังกุมความได้เปรียบอยู่มาก เนื่องจากปัจจุบันเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่สุดของโลก ทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการจัดหาแร่ต่างๆที่จำเป็นต่อการผลิตแบตเตอรี่

บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องร่วมทุนกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ของจีน แต่การดำเนินงานตามแผนดังกล่าวกลับซับซ้อนยิ่งขึ้นจากความตึงเครียดทางการค้าที่จีนมีต่อชาติตะวันตก เช่นเดียวกับชาติตะวันตกที่พยายามยืนให้ได้ด้วยตัวเองและลดบทบาทการพึ่งพาจีนลง

สงครามราคากดดันยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมรถ EV (2)

Ford ยังไม่พร้อมสู้ศึก EV

จีนยังครองตำแหน่งเจ้าแห่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้า แม้จะเผชิญมาตรการกีดกันทางการค้าที่จำกัดการส่งออกวัสดุที่ใช้ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า

ขณะที่ สหภาพยุโรปให้ความเห็นว่าการที่รัฐสนับสนุนการอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าที่มาจากจีนจะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง และทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนตั้งราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมขึ้นในยุโรป

อย่างไรก็ตาม หากสหภาพยุโรปกำหนดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ที่สูงกว่าอัตรามาตรฐาน 10% อาจส่งผลให้จีนเกิดการตอบโต้ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรป โดยเฉพาะบริษัทที่สร้างกำไรได้เป็นกอบเป็นกำในตลาดจีน

Daniel Röska หัวหน้าฝ่ายวิจัยยานยนต์ของสหภาพยุโรปชี้ว่า  “การเพิ่มมาตรการกีดกันทางการค้าต่อจีนไม่ต่างอะไรกับการทุบหม้อข้าวตัวเอง ซึ่งมีแต่จะส่งผลเสียต่อเรา”

หากสหภาพยุโรปต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง สิ่งสำคัญคือต้องปรับราคารถยนต์ไฟฟ้าลง โดยข้อมูลจาก Jato Dynamics บริษัทวิจัยที่ให้ข้อมูลด้านสถิติในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์โลก เผยว่า เมื่อเทียบกับราคารถยนต์ไฟฟ้าในยุโรป ราคารถยนต์ไฟฟ้าในจีนมีราคาถูกกว่าถึง 40% ขณะที่เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ราคารถยนต์ไฟฟ้าในจีนมีราคาถูกกว่าถึง 50%

จากอุปสรรคทางการค้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์จากจีนเริ่มหันมาตั้งโรงงานผลิตในยุโรปเพื่อลดผลกระทบจากอุปสรรคทางการค้า รวมถึงให้ง่ายต่อการรุกตลาดท้องถิ่น แนวทางดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มลุกลามต่อไปยังสหรัฐฯ ที่กำหนดภาษีนำเข้ารถยนต์ไว้สูงถึง 27.5% 

ทั้งนี้ Bill Ford ประธานกรรมการบริหารของ Ford Motor ให้ความเห็นว่า Ford ยังไม่พร้อมสู้ศึกรถยนต์ EV กับจีน เราต้องเตรียมความพร้อมให้มากกว่านี้ เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งบริษัทจากจีนจะรุกคืบเข้ามาอย่างหนักแน่นอน

Thailand Web Stat