ประธาน COP28 กดดันนานาชาติ โฟกัสการกระทำมากกว่าให้คำมั่นลอยๆ

มากกว่า 150 ประเทศเคยให้คำมั่นไว้ตั้งแต่ปี 2021 ว่าจะลดการปล่อยก๊าซมีเทนลง 30% ภายในปี 2030 โดยเทียบจากระดับในปี 2020 ภายใต้คำมั่นข้อปฏิญญาว่าด้วยการลดปล่อยก๊าซมีเทนระดับโลก (Global Methane) ที่สหรัฐฯและสหภาพยุโรปเป็นหัวหอกสำคัญในการผลักดันข้อตกลงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม มีเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่แจกแจงรายละเอียดแนวทางปฏิบัติว่าจะเดินหน้าบรรลุเป้าหมายนี้ได้อย่างไร

ทางด้านสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในฐานะประธาน COP28 ระบุว่า สิ่งสำคัญในตอนนี้คือเปลี่ยนคำมั่นให้เป็นรูปธรรม และเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน ด้วยการสนับสนุนด้านเงินทุนจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซมีเทนที่จะมอบให้กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา

อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้มีบริษัทน้ำมันและก๊าซแค่บางแห่งที่เข้าร่วมในโครงการสมัครใจเพื่อการตรวจสอบและลดการปล่อยก๊าซมีเทน แต่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีบริษัทใดบ้างที่จะเข้าร่วมกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ซึ่งเรียกร้องให้อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซหยุดปล่อยก๊าซมีเทนให้ได้ภายในปี 2030 และต้องการแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม

ปี 2022 การปล่อยก๊าซมีเทนจากอุตสาหกรรมด้านพลังงานมีปริมาณกว่า 135 ล้านเมตริกตัน ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงกว่าปีก่อนหน้าเล็กน้อย

ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพภูมิอากาศ ให้ความเห็นว่า แม้มีเทนจะมีศักยภาพในการทำความร้อนมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ แต่การสลายตัวในชั้นบรรยากาศนั้นเร็วกว่ามาก โดยคาร์บอนไดออกไซด์ต้องใช้เวลาหลัก 10 ปีกว่าจะสลายตัวออกจากชั้นบรรยากาศ การผลักดันให้การควบคุมการปล่อยก๊าซมีเทนเกิดผลทางกฎหมาย จะส่งผลให้อุณหภูมิโลกเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว

นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์ของการประชุม COP28 ธนาคารโลกยังถูกจับตาว่าจะเปิดตัวกองทุนใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทน้ำมันหรือไม่

จีนซึ่งเป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ที่สุดของโลก ระบุว่า จะเพิ่มก๊าซมีเทนและก๊าซเรือนกระจกอื่นๆไว้ในแผนสภาพภูมิอากาศแห่งชาติปี 2035 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบรรลุข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศระหว่างสหรัฐฯ และจีน ขณะที่ประเทศมหาอำนาจรายอื่นๆเล็งปฏิรูปนโยบายใหม่ให้สอดคล้องกับการจำกัดการปล่อยก๊าซมีเทน

ทั้งนี้ คาดว่าสหรัฐฯจะประกาศนโยบายใหม่เพื่อกำหนดขอบเขตการปล่อยก๊าซมีเทนของบริษัทน้ำมันและก๊าซในวันที่ 2 ธันวาคม