Tesla หุ้นพุ่ง แต่ตลาดรถ EV ยังคงเผชิญความท้าทาย

General Motors (GM.N) Rivian (RIVN.O)  และ Toyota (7203.T) รายงานการส่งมอบ EV ที่ดีขึ้นในวันอังคาร ในขณะที่ Tesla (TSLA.O)  รายงานยอดขายลดลงน้อยกว่าคาด และนักลงทุนตอบสนองด้วยการผลักดันราคาหุ้นขึ้นมากกว่า 10% ในวันอังคาร ซึ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 เดือน

ในช่วงที่ผ่านมา ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตช้ากว่าที่คาด เนื่องจากดอกเบี้ยกู้ยืมที่สูง ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และความต้องการของผู้บริโภคสำหรับรถไฮบริดที่ใช้น้ำมันเบนซินและไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้ Tesla และแบรนด์ EV อื่นๆ ต้องลดราคาหรือเสนอสิ่งจูงใจมากขึ้นเพื่อดึงดูดผู้บริโภค

นักวิเคราะห์กล่าวว่าแรงกดดันในการลดต้นทุนการผลิตและแบตเตอรี่จะดำเนินต่อไปอีกระยะ

ตามรายงานของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ คาดว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 16.6 ล้านคันในปีนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับ 13.7 ล้านคันในปี 2566 โดยการเติบโตของจีนแซงหน้าภูมิภาคอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าตัวเลขยอดขายล่าสุดไม่เพียงพอที่จะฟันธงว่าการเติบโตของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะกลับมาแข็งแกร่งเท่าที่เคยเห็นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ จีนได้ออกเงินอุดหนุนสูงสุด 10,000 หยวน ($1,375.29) สำหรับการเปลี่ยนรถยนต์ ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์อย่าง Tesla และ BYD เสนอสินเชื่อปลอดดอกเบี้ยและไม่มีเงินดาวน์ เพื่อกระตุ้นตลาด

ขณะที่ในสหรัฐ Tesla รายงานว่าการส่งมอบรถยนต์ลดลงน้อยกว่าที่คาด 5% ในไตรมาสที่สอง โดยส่งมอบรถยนต์มากกว่า 443,956 คันในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน ซึ่งลดลง 4.8% จากปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 14.8% จากไตรมาสก่อนหน้า

ยอดขายของ Tesla ในจีน ซึ่งรวมถึงการขายในประเทศและการส่งออกไปยังยุโรปและประเทศอื่นๆ ลดลง 17% ในไตรมาสที่สองจากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดขายในยุโรป ลดลง 36% ในเดือนพฤษภาคมเพียงเดือนเดียว เนื่องจากการอุดหนุน EV ที่ลดลงและความต้องการที่ดิ่งลงจากบริษัทรถเช่าและรถสาธารณะ ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของยอดขายในภูมิภาคในปีที่แล้ว ถือเป็นครั้งแรกที่ Tesla มียอดขายลดลงเมื่อเทียบเป็นรายปีเป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน