IMF เตือนวิกฤตการเงิน คาดหนี้สาธารณะทั่วโลกแตะ 100 ล้านล้านเหรียญปีนี้

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เผยรายงานโดยระบุว่า หนี้สินรวมจากการกู้ยืมเงินของรัฐบาลทั่วโลกมีแนวโน้มพุ่งแตะ 93% ของ GDP โลกในปีนี้ และอาจเพิ่มขึ้นถึง 100% ภายในปี 2030 โดยมีสหรัฐฯ และจีนเป็นประเทศหลักที่ขับเคลื่อนการเพิ่มขึ้นของหนี้ดังกล่าว

ขณะเดียวกัน ภาวะหนี้สาธารณะทั่วโลกกำลังจะทะลุ 100 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในปีนี้ ซึ่งตัวเลขของหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหนี้เสียหรือวิกฤตการเงินที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

IMF ยังเตือนว่าสถานการณ์หนี้สาธารณะทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นเป็น 115% ของ GDP โลกภายในปี 2026 จากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทุกภาคส่วนต้องรัดเข็มขัดสู้วิกฤต รวมถึงนโยบายของประเทศต่างๆ ที่มีความไม่แน่นอน

Mega trend ต่างๆ เช่น การเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และความมั่นคงของประเทศ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้แต่ละประเทศมีความเปราะบางมากขึ้น จึงส่งผลต่อการกู้ยืมเงินที่เพิ่มขึ้นตาม โดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีนซึ่งถือเป็นประเทศหลักที่ขับเคลื่อนการเพิ่มขึ้นของหนี้ดังกล่าว

ตามเว็บไซต์ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่าในเวลาไม่ถึง 25 ปี โดยเพิ่มขึ้นจาก 10.3 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2000 และแตะสถิติสูงสุดที่ 35.7 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งนับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่า 7 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่การใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ ล่าสุด เสียไปกับการสนับสนุนทางทหารให้กับอิสราเอลและยูเครน มากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 ไม่ว่าคามาลา แฮร์ริส หรือ โดนัลด์ ทรัมป์ จะคว้าตำแหน่งประธานาธิบดีไป แต่หนี้สาธารณะจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อจากนโยบายของผู้สมัครทั้งสอง