posttoday

ทรัมป์โอ่ ผู้นำจีนและรัสเซียนับถือตน จะไม่มีใครกล้ายั่วยุอเมริกา

20 ตุลาคม 2567

โดนัลด์ ทรัมป์ ลั่นหากเขากลับมาครองทำเนียบขาว จีนจะไม่กล้ายั่วยุเขา เพราะประธานาธิบดีสี จิ้นผิง รู้ว่าพรรครีพับลิกัน "ของจริง"

ในการสนทนากับคณะบรรณาธิการของวอลล์สตรีทเจอร์นัล ทรัมป์กล่าวว่า หากตนได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีในเดือนหน้า เขาจะเรียกเก็บภาษีจีนเพิ่มหากพยายามปิดล้อมไต้หวัน

 

“ผมจะบอกพวกเขาว่า ถ้าคุณบุกไต้หวัน ผมขอโทษที่ต้องทำเช่นนี้ ผมจะเก็บภาษีคุณที่ 150% ถึง 200%” 

 

ระหว่างการหาเสียง ทรัมป์ยืนยันว่าฝ่ายตรงข้ามของอเมริกาจะไม่กระทำการที่ขัดต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ภายใต้การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรอบใหม่ของตน เพราะประเทศเหล่านั้น กลัวการตอบโต้ที่ทรงพลัง และคาดเดาไม่ได้

 

เขาบอกกับกองบรรณาธิการของวอลล์สตรีทเจอร์นัลว่าเขาจะไม่จำเป็นต้องใช้กำลังทหารเพื่อป้องกันการปิดล้อมไต้หวัน เพราะประธานาธิบดีสี “เคารพผม และเขารู้ว่าผมบ้า ”

“ผมมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับเขามาก” ทรัมป์กล่าวถึงประธานาธิบดีสี “เขาเป็นคนดีจริงๆ ผมไม่อยากจะพูดว่าเพื่อน ผมไม่อยากพูดโง่ๆว่า ‘เขาเป็นเพื่อนของผม’ แต่ผมกับเขาเข้ากันได้ดีมาก”

 

“เขาน่ะ ตัวร้ายเลย” ทรัมป์กล่าวเสริม

 

อดีตประธานาธิบดียังกล่าวถึงความสัมพันธ์ของเขากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียในแง่บวก โดยกล่าวว่า “ผมเข้ากันได้ดีกับเขามาก”

 

แต่ทรัมป์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ายกย่องผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า เขาเคยขู่ปูตินไม่ให้รุกรานยูเครน

 

เขาบอกกับเจอร์นัลว่าเขาพูดกับปูตินว่า “'ผมจะหวดคุณกลางกรุงมอสโกเลย' ผมพูดว่า 'เราเป็นเพื่อนกัน' ผมไม่อยากทำ แต่ผมไม่มีทางเลือก' เขาตอบว่า 'ไม่มีทาง' ผมพูดว่า 'ได้สิ'

 

ด้วยนโยบายของเขาที่จะทำสงครามการค้าและยุติการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ ในสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทรัมป์เรียกนโยบายต่างประเทศของเขาว่า“อเมริกาต้องมาก่อน” หรือ America First แม้หลายคนจะมองว่าเป็นนโยบายโดดเดี่ยวประเทศก็ตาม

 

การเลือกเจดี แวนซ์เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ก็ยังสร้างความตื่นตระหนกให้กับพันธมิตรของยูเครน เนื่องจากวุฒิสมาชิกจากโอไฮโอรายนี้ ต่อต้านการส่งความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ให้กับประเทศยูเครนต่อไปอีกด้วย