ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แย่งเสียงผู้มีสิทธิเลือกตั้งในต่างประเทศ

คณะกรรมการแห่งชาติของพรรคเดโมแครต (DNC) ประเมินว่ามีผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันในต่างประเทศประมาณ 1.6 ล้านคนที่มีสิทธิลงคะแนนในรัฐสมรภูมิทั้ง 7 รัฐ ได้แก่ แอริโซนา จอร์เจีย มิชิแกน เนวาดา นอร์ทแคโรไลนา เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน คาดว่าจะเป็นคะแนนเสียงสำคัญชี้ขาดผลการเลือกตั้งในครั้งนี้

โดยเชื่อว่ากลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งในต่างประเทศมีแนวโน้มสนับสนุนพรรคเดโมแครต โดยในบรรดาผู้ที่ใช้บริการ Vote From Abroad ซึ่งเป็นเครื่องมือสนับสนุนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นกลางและเชื่อมโยงกับ DNC นั้น สามในสี่ของผู้ลงคะแนนในต่างประเทศในการเลือกตั้งปี 2020 ระบุว่าตนเป็นชาวเดโมแครต

ด้วยเหตุนี้ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ DNC ได้มอบเงินทุนประมาณ 300,000 ดอลลาร์แก่องค์กร Democrats Abroad เพื่อช่วยลงทะเบียนชาวอเมริกันในต่างประเทศให้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านการลงคะแนนทางไปรษณีย์และความพยายามอื่นๆ นอกจากนี้ยังได้ลงโฆษณาในสื่อสังคมออนไลน์เพื่อกระตุ้นให้ชาวอเมริกันในต่างประเทศส่งบัตรลงคะแนน

"การเลือกตั้งครั้งนี้จะชนะกันที่คะแนนเสียงเพียงเล็กน้อย และทุกคะแนนเสียงมีความสำคัญ" มัดดี้ มันดี้ โฆษกของ DNC กล่าวในแถลงการณ์ "เราจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยการเข้าถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ที่ไหนก็ตาม"

ด้านโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ก็กำลังพยายามดึงคะแนนเสียงจากชาวอเมริกันที่พำนักในต่างประเทศเช่นกัน โดยเมื่อต้นเดือนนี้เขาได้ประกาศว่าจะยุติการเก็บภาษีซ้ำซ้อนจากชาวอเมริกันในต่างประเทศ

แม้ว่าทีมหาเสียงของอดีตประธานาธิบดียังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่านโยบายนี้จะดำเนินการอย่างไร แต่อาจเป็นการยกเลิกข้อกำหนดที่สร้างภาระให้พลเมืองสหรัฐฯ ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ในสหรัฐฯ โดยไม่คำนึงว่าพวกเขาจะพำนักอยู่ที่ใด

แม้ว่าชาวอเมริกันในต่างประเทศจะไม่ต้องจ่ายภาษีให้สหรัฐฯ สำหรับรายได้ 126,500 ดอลลาร์แรก และมีสิทธิได้รับเครดิตภาษีต่างประเทศบางส่วน แต่ก็ยังเป็นภาระทางเอกสารที่ยุ่งยาก ที่ผู้พำนักในต่างประเทศต้องเผชิญ

โซโลมอน ยู ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Republicans Overseas กล่าวว่าพรรครีพับลิกันต่อสู้เพื่อปรับปรุงนโยบายภาษีสำหรับชาวอเมริกันในต่างประเทศมาหลายปี และเพิ่มเติมว่าสิ่งนี้อาจส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียงจากชาวอเมริกันในต่างประเทศอย่าง "แน่นอน"

แม้จะมีคำมั่นเรื่องภาษี แต่ทรัมป์ก็ได้กล่าวโดยปราศจากหลักฐานว่าพรรคเดโมแครตกำลังแสวงหาคะแนนเสียงจากต่างประเทศเพื่อโกงการเลือกตั้ง คณะกรรมการแห่งชาติของพรรครีพับลิกัน (RNC) ซึ่งทำงานร่วมกับทีมหาเสียงของทรัมป์อย่างใกล้ชิด ได้มุ่งเป้าไปที่การลงคะแนนจากต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในรัฐมิชิแกน นอร์ทแคโรไลนา และเพนซิลเวเนีย หากการฟ้องร้องประสบความสำเร็จ จะทำให้จำนวนชาวอเมริกันในต่างประเทศที่สามารถลงคะแนนเสียงได้ลดลง

ความท้าทายในการดึงดูดผู้ลงคะแนนจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีขนาดประมาณ 4.4 ถึง 9 ล้านคนตามการประเมินของพรรคการเมืองหลักและผู้เชี่ยวชาญภายนอก คือมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เชื่อว่าจะมาลงคะแนนเสียง

ต่างจากพลเมืองของประเทศอื่นๆ หลายประเทศ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวสหรัฐฯ ไม่สามารถไปเข้าแถวลงคะแนนที่สถานทูตในวันเลือกตั้งได้ แต่ต้องส่งบัตรลงคะแนนไปยังรัฐที่พวกเขาลงทะเบียนไว้ ซึ่งส่วนใหญ่ต้องส่งทางไปรษณีย์

ตามข้อมูลของโครงการช่วยเหลือการลงคะแนนเสียงของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในต่างประเทศส่วนใหญ่มักไม่ออกมาลงคะแนน โดยประมาณว่ามีเพียงไม่ถึง 8% ที่ส่งบัตรลงคะแนนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020 เมื่อเทียบกับอัตราการมาใช้สิทธิโดยรวมที่ 67% ส่วนอัตราการมีส่วนร่วมของผู้ลงคะแนนในต่างประเทศในการเลือกตั้งกลางเทอมปี 2022 อยู่ที่เพียง 3.4%