COP 29 คาดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2567
นักวิทยาศาสตร์เผยในที่ประชุม COP 29 การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก มีแนวโน้มจะพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ ส่งผลให้โลกห่างไกลจากเป้าหมายในการป้องกันภาวะสภาพอากาศรุนแรงมากขึ้น
รายงาน Global Carbon Budget ซึ่งเผยแพร่ระหว่างการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศ COP29 ณ ประเทศอาเซอร์ไบจาน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ระบุว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลกจะมีปริมาณรวม 41.6 พันล้านตันเมตริกในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 40.6 พันล้านตันในปีที่แล้ว
การปล่อยก๊าซส่วนใหญ่มาจากการเผาไหม้ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ โดยการปล่อยก๊าซจากแหล่งดังกล่าวจะมีปริมาณรวม 37.4 พันล้านตันในปี 2567 เพิ่มขึ้น 0.8% จากปี 2566 ตามที่รายงานระบุ
ส่วนที่เหลือมาจากการใช้ประโยชน์ที่ดิน ซึ่งรวมถึงการตัดไม้ทำลายป่าและไฟป่า รายงานนี้จัดทำโดยความร่วมมือของสถาบันกว่า 80 แห่ง นำโดยมหาวิทยาลัยเอกซิเตอร์ ประเทศสหราชอาณาจักร
"เรายังไม่เห็นสัญญาณว่าการปล่อยก๊าซจากเชื้อเพลิงฟอสซิลจะถึงจุดสูงสุดในปี 2567" ศาสตราจารย์ปิแอร์ ฟรีดลิงสไตน์ นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศจากมหาวิทยาลัยเอกซิเตอร์และผู้เขียนหลักของรายงานกล่าว
"หากไม่มีการลดการปล่อยก๊าซอย่างฉับพลันและรุนแรงทั่วโลก เราจะพุ่งทะลุเป้าหมาย 1.5 องศาเซลเซียสไปเรื่อยๆ" เขากล่าวเสริม
ประเทศต่างๆ ได้ตกลงกันภายใต้ข้อตกลงปารีสในปี 2558 ที่จะพยายามจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส (2.7 องศาฟาเรนไฮต์) เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบร้ายแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การบรรลุเป้าหมายนี้จำเป็นต้องมีการลดการปล่อยก๊าซอย่างรุนแรงในทุกๆ ปีตั้งแต่บัดนี้จนถึงปี 2573
อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าในเรื่องนี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยประเทศอุตสาหกรรมที่พัฒนาแล้วมีการปล่อยก๊าซลดลง ในขณะที่เศรษฐกิจเกิดใหม่ยังคงมีการปล่อยก๊าซเพิ่มขึ้น
ความตึงเครียดระหว่างประเทศต่างๆ ปะทุขึ้นเมื่อวันอังคารที่ COP29 เกี่ยวกับประเด็นว่าใครควรเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านของโลกจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานประมาณ 80% ของโลก
ประธานาธิบดีอิลฮัม อาลิเยฟ ของอาเซอร์ไบจาน ประเทศเจ้าภาพ COP29 กล่าวหาประเทศตะวันตกว่าเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอก ที่คอยสั่งสอนผู้อื่นในขณะที่ตนเองยังคงเป็นผู้บริโภคและผู้ผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลรายใหญ่
การปล่อยก๊าซในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ที่สุดของโลก คาดว่าจะลดลง 0.6% ในปีนี้ ขณะที่การปล่อยก๊าซของสหภาพยุโรปจะลดลง 3.8%
ในขณะเดียวกัน การปล่อยก๊าซของอินเดียจะเพิ่มขึ้น 4.6% ในปีนี้ เนื่องจากความต้องการพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ส่วนการปล่อยก๊าซในจีน ซึ่งปัจจุบันเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซมากที่สุดและเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลก มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.2% ผู้เขียนรายงานระบุว่าการปล่อยก๊าซจากการใช้น้ำมันของจีนน่าจะถึงจุดสูงสุดแล้ว เนื่องจากยานยนต์ไฟฟ้ามีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น
การปล่อยก๊าซจากการบินและการเดินเรือระหว่างประเทศคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 7.8% ในปีนี้ เนื่องจากการเดินทางทางอากาศยังคงฟื้นตัวจากความต้องการที่ลดลงในช่วงการระบาดของโควิด-19