สหรัฐประกาศภาวะฉุกเฉินรับมือไฟป่าแคลิฟอร์เนีย หลังคร่าชีวิต 11 ราย
กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์สหรัฐ (HHS) ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อรับมือผลกระทบจากเหตุไฟป่าครั้งใหญ่ที่กำลังลุกลามในเขตลอสแอนเจลิส ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 ราย และสิ่งปลูกสร้างเสียหายเกือบ 10,000 หลัง
เหตุไฟป่าครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมกันถึง 6 จุดตั้งแต่วันอังคาร โดยเฉพาะไฟป่า Palisades ทางฝั่งตะวันตก และไฟป่า Eaton ทางฝั่งตะวันออกของนครลอสแอนเจลิส ซึ่งลุกลามรวมกันกว่า 35,000 เอเคอร์ หรือประมาณ 54 ตารางไมล์ ส่งผลให้ประชาชนกว่า 153,000 คนต้องอพยพ และอีก 166,800 คนอยู่ในพื้นที่เสี่ยงที่อาจต้องอพยพ
ล่าสุด นักดับเพลิงเริ่มควบคุมสถานการณ์ได้บ้างแล้ว หลังสภาพอากาศเอื้ออำนวยมากขึ้น โดยความเร็วลมลดลงเหลือประมาณ 32 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากเดิมที่มีลมกระโชกแรงถึง 80 ไมล์ต่อชั่วโมง ทั้งนี้ รัฐบาลกลางสหรัฐ รัฐใกล้เคียง 7 รัฐ และแคนาดา ได้ส่งความช่วยเหลือทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินเพื่อควบคุมเพลิง
อย่างไรก็ตาม แม้สภาพอากาศในพื้นที่ลอสแอนเจลีสจะดีขึ้นตลอดสุดสัปดาห์ โดยลมจะลดความแรงลง ซึ่งน่าจะช่วยให้การทำงานของนักดับเพลิงง่ายกว่าเดิม แต่สภาพอากาศยังคงวิกฤตเนื่องจากมีความชื้นต่ำและพืชพรรณแห้ง และนักพยากรณ์คาดการณ์ว่าจะมีการออกคำเตือนธงแดงอีกครั้งในวันจันทร์ ซึ่งทำให้สถานการณ์โดยรวมยังคงวิกฤต
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศให้เหตุการณ์นี้เป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ พร้อมสัญญาว่ารัฐบาลกลางจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟู 100% เป็นเวลา 6 เดือน ขณะที่บริษัท AccuWeather ประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจอาจสูงถึง 135,000-150,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้กรรมาธิการประกันภัยแคลิฟอร์เนียต้องขอความร่วมมือบริษัทประกันให้ผ่อนปรนเงื่อนไขการต่ออายุและการชำระเงินแก่ผู้ประสบภัย
ทั้งนี้ ผู้ประสบภัยที่บอบช้ำทางจิตใจเกือบ 10 ล้านคนยังไม่ได้รับการประเมินสภาพจิต โดยผู้อยู่อาศัยใน Pacific Palisades ที่เดินทางกลับไปยังย่านที่ถูกไฟป่าทำลายล้าง ต้องตกใจเมื่อพบเห็นปล่องไฟอิฐปรากฏอยู่เหนือขยะที่ไหม้เกรียมและยานพาหนะที่ถูกไฟไหม้ ขณะที่ควันฉุนยังคงลอยอยู่ในอากาศ