อุณหภูมิโลกปี 2567 ทะลุ 1.5 องศา สูงสุดในประวัติศาสตร์
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) รายงานว่า อุณหภูมิโลกในปี 2567 โดยเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม (ปี 2393-2443) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยข้อมูลดังกล่าวได้รับการยืนยันจากนักวิทยาศาสตร์จากนานาชาติ
Copernicus Climate Change Service (C3S) ขององค์การสหภาพยุโรประบุว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในปี 2567 สูงกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรมถึง 1.6 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นระดับที่มนุษย์ยุคปัจจุบันไม่เคยประสบมาก่อน โดยสาเหตุสำคัญมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล นอกจากนี้ WMO ยังพบว่าทศวรรษที่ผ่านมาเป็นช่วง 10 ปีที่มีอุณหภูมิสูงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกมา
ภาวะโลกร้อนส่งผลให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงและถี่ขึ้นทั่วโลกในปี 2567 อาทิ ไฟป่าในโบลิเวียและเวเนซุเอลา น้ำท่วมใหญ่ในเนปาล ซูดาน และสเปน รวมถึงคลื่นความร้อนในเม็กซิโกและซาอุดีอาระเบียที่คร่าชีวิตผู้คนนับพันราย
นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า แม้ตัวเลขดังกล่าวจะยังไม่ถือว่าละเมิดข้อตกลงปารีสที่กำหนดให้ควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เนื่องจากเป็นเพียงการวัดในระยะสั้น แต่แนวโน้มการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจทำให้โลกละเมิดเป้าหมายดังกล่าวในอนาคตอันใกล้ หากไม่มีการดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยปัจจุบันความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศสูงถึง 422 ส่วนต่อล้านส่วน
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เน้นย้ำว่า ยังมีเวลาที่จะหลีกเลี่ยงวิกฤตสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุดได้ แต่ผู้นำประเทศต่างๆ ต้องเร่งดำเนินมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจังและทันที