ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลง นักลงทุนประเมินทิศทางดอกเบี้ยจากแนวโน้มเศรษฐกิจ

ตัวเลขค่าเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของแรงกดดันด้านราคาและผลประกอบการของธนาคารที่แข็งแกร่งช่วยให้ดัชนีหลัก ๆ ของสหรัฐทั้งสามดัชนีมีเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นสูงสุดในหนึ่งวันนับตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. ในวันพุธ

 

แต่หุ้นแกว่งไปมาเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจในวันพฤหัสบดีบ่งชี้ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงแข็งแกร่ง ในขณะที่ตลาดแรงงานก็อยู่ในสถานะที่มั่นคงเช่นกัน ทำให้เฟดมีช่องทางที่จะรักษาจังหวะที่ช้าในการลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

 

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ร่วงลง 68.42 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 43,153.13 จุด

ส่วนดัชนี S&P 500 (.SPX) หายไป 12.57 จุด หรือ 0.21% สู่ 5,937.34 จุด

และดัชนี Nasdaq Composite ( .IXIC) ลดลง 172.94 จุด หรือ 0.89% เป็น 19,338.29 จุด

 

ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในวันพฤหัสบดี หลังคาดว่ากองกำลังติดอาวุธฮูตีของเยเมนจะหยุดการโจมตีเรือในทะเลแดง และนักลงทุนต่างชั่งน้ำหนักข้อมูลยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ

 

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้าลดลง 74 เซนต์หรือ 0.9% อยู่ที่ 81.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเพิ่มขึ้น 2.6% ในช่วงก่อนหน้าเป็นราคาสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม

 

ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า West Texas Intermediate ของสหรัฐร่วงลง 1.36 ดอลลาร์หรือ 1.7% สู่ 78.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเพิ่มขึ้น 3.3% ในวันพุธซึ่งเป็นราคาสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม

 

ราคาทองคำพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งเดือนในวันพฤหัสบดี หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดกดดันอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรกระทรวงการคลัง ตามการอ่านอัตราเงินเฟ้อแบบ soft core ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเพิ่มเดิมพันสำหรับนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐที่มีความผ่อนคลายมากขึ้น

 

ราคาทองสปอตเพิ่มขึ้น 0.8% เท่ากับ 2,716.91 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม ราคาแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 2,790.15 ดอลลาร์ในวันที่ 31 ตุลาคม 2024