โนริโกะ เอ็นโด ศิลปินผู้สร้างวิวทิวทัศน์เสมือนจริงด้วยปลายเข็ม
แม้จะเริ่มต้นผลงานเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ ด้วยการฝึกปรือฝีมือในยามว่าง และอาศัยเพียงเศษผ้าเหลือใช้ที่ใครหลายคนเห็นว่าเป็นเศษขยะไร้ประโยชน์
แม้จะเริ่มต้นผลงานเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ ด้วยการฝึกปรือฝีมือในยามว่าง และอาศัยเพียงเศษผ้าเหลือใช้ที่ใครหลายคนเห็นว่าเป็นเศษขยะไร้ประโยชน์
โดย..จู ย้อย
แม้จะเริ่มต้นผลงานเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ ด้วยการฝึกปรือฝีมือในยามว่าง และอาศัยเพียงเศษผ้าเหลือใช้ที่ใครหลายคนเห็นว่าเป็นเศษขยะไร้ประโยชน์ แต่ที่สุดแล้ว โนริโกะ เอ็นโด แม่บ้านชาวญี่ปุ่นผู้ผันตัวเองมาเป็นศิลปินหญิงที่มีชื่อเสียงระดับโลก ก็ได้พิสูจน์ให้โลกเห็นแล้วว่า หากอาศัยความมุ่งมั่น เติมด้วยไอเดียที่สร้างสรรค์ การจะลงมือสร้างงานฝีมือชั้นเยี่ยมระดับมาสเตอร์พีซสักชิ้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ปัจจุบัน โนริโกะ เอ็นโด ศิลปินผู้วาดภาพภูมิประเทศและธรรมชาติด้วยเครื่องลองแกรม โดยการใช้ด้ายสีและเย็บเป็นจังหวะเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ไม่ใช่เพียงแค่ในแวดวงงานฝีมือ แต่ยังโด่งดังในระดับโลก ทั้งในสหรัฐ ยุโรป แอฟริกาใต้ ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น และประเทศไทย ยิ่งกว่านั้นผลงานจากปลายเข็มของเธอยังได้ร่วมโชว์ในนิทรรศการแสดงภาพระดับสากลมาแล้วนับไม่ถ้วน อาทิ Quilt Visions Quilt National และ Quilts Nihon
ในโอกาสที่ศิลปินหญิงคนดังที่ลัดฟ้ามาเมืองไทยเป็นครั้งแรก เพื่อเข้าร่วมงาน Craft Marketplace @ Central Chidlom พร้อมนำชิ้นงานสุดอลังการและเหมือนจริง จนใครเห็นก็ต้องร้องโอ้โหมาโชว์ในนิทรรศการ เลยพลาดไม่ได้ที่จะไปเซย์ไฮเพื่อทำความรู้จักและค้นหามุมมองที่น่าสนใจของโนริโกะ แม่บ้านธรรมดาที่ไม่ธรรมดาคนนี้แบบเอกซ์คลูซีฟ
มิสโนริโกะเธอเป็นใคร?
เด็กหญิงโนริโกะ เอ็นโด เป็นน้องนุชสุดท้องของบ้านในจำนวนพี่น้อง 5 คน พ่อของเธอเป็นวิศวกร ส่วนคุณแม่เป็นนักถักนิตติงตัวยง และเป็นผู้ที่ถ่ายทอดทักษะการใช้เข็มและทฤษฎีสีให้กับโนริโกะตั้งแต่เธออายุยังน้อย ซึ่งสำหรับเด็กหญิงโนริโกะในเวลานั้น ความรู้เหล่านี้ช่างเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจและน่าสนใจมากๆ โดยเฉพาะทุกครั้งที่คุณแม่ของเธอบรรจงเลือกเส้นไหมแต่ละสีจากกองไหมพรมที่มีอยู่มากมาย เพื่อนำมาถักเป็นเสื้อสเวตเตอร์ให้กับทุกคนในครอบครัว
ในเวลานั้นดูเหมือนต่อมศิลปินในตัวเด็กหญิงโนริโกะ ซึ่งถูกกระตุ้นโดยคุณแม่ จะยังไม่ฉายแววโดดเด่นนัก เพราะเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น เธอก็ยังไม่ได้หันมาเอาดีด้านการเย็บปักถักร้อยอย่างจริงจัง กระทั่งแต่งงานมีครอบครัว ต่อมศิลปินในตัวโนริโกะจึงถูกกระตุ้นขึ้นอีกครั้งแบบไม่ตั้งใจ เนื่องด้วยหน้าที่การงานของสามี ทำให้ครอบครัวเอ็นโดต้องย้ายสำมะโนครัวไปตามประเทศต่างๆ อย่าง นิวยอร์ก หรือการาจี ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่กระตุ้นให้ต่อมศิลปินในตัวโนริโกะสูบฉีดแรงอีกครั้ง
ใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์
โนริโกะย้อนเส้นทางสู่ศิลปินของเธอให้ฟังว่า ในฤดูร้อนปี 1977 สามีของเธอได้รับคำสั่งให้ย้ายไปประจำการที่การาจีเป็นเวลา 4 ปี ทว่าด้วยสภาพอากาศของการาจี ที่ทั้งร้อน แห้ง และฝุ่นมากราวกับอยู่ท่ามกลางทะเลทราย ทำให้ผู้คนในเมืองนี้ไม่ค่อยจะออกไปไหนมาไหน หรือใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านในช่วงเวลากลางวัน จุดนี้เองเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้แม่บ้านโนริโกะในเวลานั้น มีเวลาเหลือเฟือและมากพอสำหรับการแบ่งเวลาหันมาทำงานอดิเรกที่รักอย่างการเย็บปักถักร้อย
ความรักในงานเย็บและงานทอนี้ ที่ถูกสั่งสมประสบการณ์มาเรื่อยๆ ทำให้ในที่สุดโนริโกะเกิดไอเดียที่จะแปลงโฉมเศษผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยจำนวนมากในบ้าน ให้กลายเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการสร้างผลงาน ผ่านเทคนิคการเย็บปักถักร้อยผ้าให้เป็นรูปภูมิประเทศ หรือธรรมชาติที่ดูมีชีวิตชีวาเหมือนจริงที่เจ้าตัวคิดขึ้นมาเอง
“เป็นเทคนิคส่วนตัวที่ฉันคิดขึ้นเมื่อ 17 ปีที่แล้ว โดยมีไอเดียมาจากเศษผ้าที่เหลือใช้จำนวนมาก และไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร ฉันจึงคิดว่าน่าจะลองเอาเศษผ้าเหล่านั้นมาแปะให้เกิดเป็นลวดลายแล้วเย็บด้วยเครื่องจักร จากจุดเริ่มต้นตรงนั้นเมื่อทำบ่อยๆ ก็เกิดเป็นความชำนาญและครีเอตลวดลายได้หลากหลายแบบ ซึ่งตอนนั้นฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมไม่มีใครเคยคิดถึงเทคนิคแบบนี้มาก่อน”
แรงบันดาลใจจากสิ่งรอบตัว
แรงบันดาลใจที่นำมาสู่ไอเดียในการสร้างสรรค์ผลงานแต่ละชิ้นของโนริโกะนั้น ศิลปินสาวแดนซามูไร เล่าว่า เธอชื่นชอบที่จะเดินเล่นในป่าเพื่อหาแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งาน เพราะการเข้าไปในป่าทำให้เธอได้เจอธรรมชาติที่สวยงาม ความสดชื่น ความสดใสของใบไม้สีเขียว การเปลี่ยนสีของใบเมเปิล เห็นเงาสะท้อนของน้ำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนปลุกความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานของเธอได้เป็นอย่างดี
“สิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้ฉันได้ดีที่สุด คือการเปลี่ยนแปลงของสีสันตามธรรมชาติในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งสาเหตุที่ฉันชอบธรรมชาติมากเป็นพิเศษ ก็เพราะตอนยังเด็ก พ่อของฉันมักพาฉันไปออกล่าสัตว์ด้วย และทุกครั้งที่ไป ฉันมักจะนั่งอยู่ที่พุ่มไม้เฝ้ามองต้นไม้ใบหญ้า ดอกไม้ป่า และเพลิดเพลินกับเหล่าแมลง ความสุขจากการเฝ้ามองรายละเอียดของสิ่งเล็กๆ เหล่านี้เอง กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้ฉันสนใจธรรมชาติมากยิ่งขึ้น”
ผลงานชิ้นโบแดง
โนริโกะยกให้ผลงานที่ชื่อว่า “Sylvan Ambience #3” เพราะ เป็นชิ้นที่ได้รับรางวัลจากเวที Quilt National 2007 จากโอไฮโอ สหรัฐ โนริโกะ บอกว่า ไม่เพียงจะเป็นรางวัลที่ได้มายากมาก แต่เธอยังเป็นคนญี่ปุ่นคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้
“เสียดายที่ในวันที่ประกาศรางวัล ฉันไม่ได้ไปเข้าร่วมในงานด้วย เพราะตรงกับวันที่ลูกสาวของฉันแต่งงานพอดี แต่ฉันได้รับข่าวดีนี้จากอีเมลของเพื่อนที่ไปร่วมงาน ว่าฉันได้รางวัล “Best of Show” ตอนนั้นความคิดเดียวในหัวฉัน คือ คงเป็นของขวัญจากพระเจ้า”
โนริโกะยังมีรางวัลการันตีฝีมืออีกมากมาย โดยหนึ่งในนั้นคือผลงานชื่อ “Forest in New England” ซึ่งเธอได้รับรางวัล The 3 rd Banshuori Patchwork Quilt National จากประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 1996 ซึ่งเจ้าตัวได้นำมาโชว์ในนิทรรศการที่จัดขึ้นที่เซ็นทรัลชิดลม ครั้งนี้ด้วย
เมื่อเร็วๆ นี้ โนริโกะ ยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมโครงการ “Empty Spool Seminars in Alisomar” รัฐแคลิฟอร์เนีย ตลอดจนเป็นแขกรับเชิญในรายการโทรทัศน์ยอดนิยม “Simply Quilts” กับ อเล็กซ์ แอนเดอร์สัน ทาง HGTV ช่องสำหรับคนรักบ้านและไอเดียในการแต่งบ้านอีกด้วย
แม้จะได้พบกันกับศิลปินหญิงระดับโลกครั้งนี้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็พอจะทำให้ได้คำตอบแล้วว่า ทำไมเธอจึงไม่ธรรมดาและเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก