บ่มความรัก ความเข้าใจ เพราะเรา...ครอบครัวเดียวกัน
โดย...มัลลิกา นามสง่า
โดย...มัลลิกา นามสง่า
“ทำการบ้านแล้วหรือยัง” “แปรงฟันก่อนนอนด้วยนะ” “อย่าแต่งตัวโป๊สิลูก” !!!@!!!
ทั้งหมดนี้เพราะรัก “พ่อแม่” จึงจัดให้ แต่แทนที่ “ลูกๆ” จะกดไลค์ กลับรู้สึกว่าพ่อแม่จู้จี้ขี้บ่น เซ้าซี้น่ารำคาญ เป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี ไม่เข้าใจวัยรุ่นเอาซะเลย เฮ้อ! เอ้าไหนจะปัญหาของพ่อแม่ที่เคยรักกันปานจะกลืนกินกลายมาเป็นเหม็นขี้หน้ากันเอาง่ายๆ ซะงั้น ทำอะไรก็ขวางหูขวางตากันไปหมด ช่างร้อยแปดพันเก้าปัญหาจริงๆ เลยครอบครัวเนี่ย!!!
เชื่อขนมกินได้เลยว่า แทบทุกครอบครัวต้องเคยเจอปัญหา “ไม่เข้าใจกัน” ระหว่าง “พ่อแม่ลูก” ไม่ปัญหาใดก็ปัญหาหนึ่ง เพราะนี้ไม่ใช่เรื่องผิดแปลก เพราะมนุษย์เราไม่มีใครสมบูรณ์ ทว่าปัญหาจะไม่กลายเป็นเนื้อร้ายไปสู่การล่มสลายของครอบครัวหนึ่ง หากคนในครอบครัวหันกลับมาทำความเข้าใจในปัญหา เปิดใจพูดคุยกัน ไม่ว่าปัญหาจะเกิดขึ้นอีกสักกี่ร้อยกี่พันเรื่องมันก็สามารถจบได้อย่างแฮปปี้เอนดิง
ในวันที่ 14 เม.ย. อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันครอบครัวแห่งชาติแล้ว จึงขอเก็บตกเรื่องราวในกิจกรรม “บ่มพลังเพื่อลูก ปี 2” ตอน จัดหนัก...เพราะรัก (วัยรุ่น) ของรายการ “ครอบครัวเดียวกัน” ที่ออกอากาศทางช่องไทยพีบีเอส ที่ยกกันไปจัดกิจกรรมไกลถึงเกาะสมุยมาฝาก ซึ่งมีหลายครอบครัวที่มีปัญหาแตกต่างกันมาเข้าร่วมกิจกรรม โดยมี “ครูณาอังคณา มาศรังสรรค์” จากโรงเรียนพ่อแม่ลูก เป็นวิทยากร
ครูณาชี้ให้เห็นถึงปัญหาของครอบครัวที่ปัจจุบันรุนแรงและการเป็นปัญหาหมักหมมในหลายครัวเรือนมากกว่าสมัยก่อนว่า เพราะเมื่อก่อนเราอยู่กันเป็นชุมชน ลูกบ้านนี้วิ่งเข้าออกบ้านนู้นได้ ลูกได้ไปเห็นอย่างอื่น พอสังคมเป็นครอบคัวปิด บ้านข้างบ้านไม่รู้จัก ไม่มีที่ให้เด็กไปปลดปล่อย ให้เด็กไปใช้ชีวิต เด็กหันมาถูกฝึกเรื่องของความคิดซะเยอะ ซึ่งครอบครัวจะสำเร็จได้ไม่ใช่ใครคิดถูกหรือผิด แต่อยู่ที่เรารู้สึกดีต่อกันอย่างไร
ส่วนปัญหาที่พบบ่อยที่สุดของครอบครัว คือ พ่อแม่เริ่มรักกันน้อยลง ทะเลาะกันมากขึ้น และหันไปโฟกัสที่ลูกแทน ไปสร้างลูกให้เป็นอย่างที่ตัวเองคิด ลูกก็เกิดความทุกข์ ในครอบครัวมีแต่พยายามแก้ไขข้อบกพร่องของกันและกัน เห็นข้อเสียของกันไปหมด เลยมองไม่เห็นข้อดีของกัน ครอบครัวก็ไม่มีความสุข
“ปัญหาที่ไม่คุยกันก็มี นั้นเพราะเราอยู่กันแบบไม่เปิดใจ เราอยู่ด้วยความคิด พอความคิดเกิดไม่ตรงกันก็ผิดใจ สังคมที่สวยงามคือเราเห็นความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ถ้าเราเหมือนกันนั้นสิแปลก เราต้องหันมารู้สึกดีต่อกันก่อน เราจะรู้ว่าความรักย่อมไม่มีเงื่อนไข ต้องอยู่ในความแตกต่างของกันและกัน ในความแตกต่างเราเห็นข้อดีของแต่ละคนอย่างไร ชีวิตที่มองด้านบวกของชีวิตได้ก็มีความสุขได้เอง หรือปัญหาช่องว่างระหว่างวัย อยากให้นึกย้อนกลับไปว่าเมื่อก่อนเราก็อยู่กับปู่ย่าตายายของเราได้ พอมีปัญหาเอาเรื่องวัยมาเป็นข้ออ้าง ซึ่งไม่จริง มนุษย์อยู่ด้วยกันได้หมดทุกวัย แต่พอเราคิดกันเยอะจัด พยายามเก่งในเรื่องของความคิด เพิกเฉยต่อความรู้สึก จึงเกิดปัญหา”
ในส่วนของการอบรมใหญ่ๆ จะมี 3 หัวข้อด้วยกัน คือ เลี้ยงลูกด้วยจิตตื่นรู้ พื้นที่ระหว่างเรา และ แฟมิลี ทอล์ก แอนด์ ดีฟ ลึสนิง
“การเลี้ยงลูกด้วยจิตตื่นรู้ จะช่วยให้พ่อแม่เข้าใจธรรมชาติของเด็ก อะไรคือสิ่งที่ดีต่อการเติบโตของเด็ก ให้เขาเติบโตมาเป็นคนที่ดี มีความสุข หากเราเข้าใจธรรมชาติของเด็ก เราอาจพบมีวิธีการเลี้ยงลูกอย่างเข้าใจกัน สื่อสารกันรู้เรื่อง สามารถดูแลหล่อเลี้ยงให้ลูกมีแรงบันดาลใจ มีวินัยพื้นฐานที่สำคัญให้กับชีวิตของเขา ประเด็นนี้พ่อแม่ต้องกลับไปค้นหาตัวเองว่า ตั้งแต่เด็กเขาทุกข์อะไร ปัจจุบันเผลอสร้างความทุกข์ต่อยังไง เพราะถ้าครอบครัวพ่อแม่ยังไม่มีความสุข ทำตัวให้มีความสุขไม่เป็น บางทีหงุดหงิดก็เผลอไปทำร้ายลูก ส่งผลถึงเด็กๆ โปรแกรมนี้มุ่งหวังที่จะนำพาพวกเราพ่อแม่ให้เกิดความเข้าใจในธรรมชาติของลูก เพื่อช่วยเขาหล่อเลี้ยงความเป็นตัวตนของเขาให้เติบโตมาอย่างเข้าใจตัวเอง ทำสิ่งที่ตัวเองรักอย่างเต็มศักยภาพที่แท้จริงของเขา”
ส่วนพื้นที่ระหว่างเรา จะเน้นที่ความสัมพันธ์ ทั้งของพ่อกับแม่ พ่อแม่กับลูก “คนเราเติบโตมามีความพร่องกันทุกคน โปรแกรมนี้จะเรียนจนเห็นอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้น ตื่นรู้ มีสติ เช่น พื้นที่ของลูก เรื่องทำการบ้าน แต่งตัว พ่อแม่ไม่ควรเข้าไปครอบงำเขาเสียหมด”
และหัวข้อ แฟมิลี ทอล์ก แอนด์ ดีฟ ลึสนิง “เราจะสื่อสารกันในครอบครัวเราอย่างไร เพื่อให้ไม่กระทบกับอีกคนหนึ่งและเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เราอยากได้ มนุษย์ทุกคนมีปัญญาญาณในตัวเอง แต่เรามัวแต่ได้ยินเสียงสังคมวิ่งไล่วัตถุ เลยไม่ได้ยินเสียงปัญญาญาณของตัวเอง การเปิดใจสื่อสารกันจะทำให้เกิดการค้นพบบางสิ่งบางอย่างที่เป็นแรงบันดาลใจที่จะทำให้เราเปลี่ยนแปลง”
ท้ายสุดครูณาบอกว่า รักมากแค่ไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับการแสดงความรัก ถ้าครอบครัวอยู่ด้วยกันแบบจับผิด ขบกัดกันตลอดเวลา ในที่สุดทั้งคนเป็นพ่อแม่ลูกก็คงจะมีคนทนไม่ได้ ขออยู่คนเดียวดีกว่า และถึงตอนนั้นครอบครัวก็จะไม่มีใคร เพราะบ้านร้อน อยู่แล้วทุกข์เหลือเกินคงไม่มีใครอยากอยู่
“ฝากถึงครอบครัวว่า เวลาที่เราช้าลง เรากลับมาคิดดีๆ แต่ละคนมีข้อที่ดี ทุกคนไม่มีใครเพอร์เฟกต์ เราเองก็ไม่เพอร์เฟกต์ เปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนการพูด วันนี้หากรู้สึกว่าการเปลี่ยนมันยาก ต้องพยายาม อาจจะต้องที่ต้องพยายาม หากมองย้อนกลับไปว่าที่ผ่านมาชีวิตครอบครัวเรามันทุกข์กว่า มีเรื่องให้เสียใจ วันนี้อาจจะยากที่ต้องพยายามเข้าใจกับชีวิต แต่ทบทวนดูจะรู้ว่าที่ผ่านมามันยาก มันทุกข์กว่าที่เรามานั่งเรียน ปรับเปลี่ยนตัวเองซะอีก”
ล้อมกรอบ
สามารถติดตามชมเทปกิจกรรม “บ่มพลังเพื่อลูก ปี 2” ตอน จัดหนัก...เพราะรัก (วัยรุ่น) ได้ในรายการ “ครอบครัวเดียวกัน” ทางช่องไทยพีบีเอส ในวันที่ 14 และ 21 เม.ย. นี้ เวลา 16.00-17.00 น.