แร่คอรันดัม...พลอยเนื้อแข็งที่สำคัญของโลก
โดย...สถาบันวิจัยและพัฒนาเครื่องประดับและอัญมณีแห่งชาติ (องค์กรมหาชน)
โดย...สถาบันวิจัยและพัฒนาเครื่องประดับและอัญมณีแห่งชาติ (องค์กรมหาชน)
ทับทิมและแซปไฟร์ ซึ่งเป็นพลอยที่ได้รับความนิยม และเป็นที่รู้จักของผู้คนทั้งในและต่างประเทศมาเป็นเวลานาน พลอยทับทิมและแซปไฟร์คือ แร่คอรันดัม มีความแข็งเท่ากับ 9 รองจากเพชร (ความแข็ง=10) จึงเรียกว่าเป็น พลอยเนื้อแข็ง โดยแหล่งแซปไฟร์ที่สำคัญของโลกในปัจจุบัน ได้แก่ มาดากัสการ์ ศรีลังกา พม่า เวียดนาม และประเทศในแอฟริกาตะวันออก
พลอยทับทิมและแซปไฟร์มีคุณภาพดี สีสวยงามตามธรรมชาตินั้น หาได้ยากยิ่ง อาจจะพบได้หนึ่งในร้อย หรือหนึ่งในพันเท่านั้น ทำให้มนุษย์ได้หาวิธีการปรับปรุงคุณภาพด้วยเทคนิคต่างๆ ตลอดมา
คนไทยเป็นชนชาติผู้นำในการเผาพลอยทับทิมและแซปไฟร์ โดยได้มีการคิดค้นและปรับปรุงวิธีการในการเผามาโดยตลอด การพัฒนากระบวนการเผาของนักเผาพลอยมืออาชีพของไทย เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมักเก็บเป็นความลับ ทั้งอุณหภูมิที่ใช้ บรรยากาศของก๊าซที่ใช้ ซึ่งมีทั้งประสบความสำเร็จและล้มเหลว
นักเผาพลอยไทยแต่ละคนจะมีเคล็ดลับในการเผาพลอยแต่ละแหล่งไม่เหมือนกัน มีวิธีการคัดเลือกพลอยก้อนสดหรือพลอยก้อนดิบด้วยกรรมวิธีง่ายๆ แต่ได้ผลในทางปฏิบัติสูง ก่อนที่จะนำไปเผาในเตาที่ควบคุมสภาวะการเผาต่างๆ กัน ที่เหมาะสมสำหรับพลอยแต่ละชนิดแต่ละแหล่ง หรือภาษาคนในวงการก็ว่า “อ่านพลอยออก”
การพัฒนาเตาเผาชนิดต่างๆ เริ่มจากสร้างเตาถ่านไม้โกงกาง เตาถ่านโคก เตาน้ำมัน เตาก๊าซหุงต้ม หรือเตาไฟฟ้า ขึ้นมาใช้เองด้วยวัสดุที่หาได้ในประเทศ ตลอดจนคิดค้นและพัฒนาเทคนิควิธีการเผา ที่เป็นความลับเฉพาะตัวของนักเผาพลอยแต่ละราย จนสามารถเผาพลอยจากแหล่งต่างๆ ออกมาได้สวยงาม ด้วยต้นทุนที่ถูก และเป็นที่ยอมรับในตลาดพลอยทั่วโลก
สำหรับการเผาพลอยทับทิม ไพลิน และบุษราคัม ในทางวิชาการสามารถอธิบายได้ อย่าง พลอยคอรันดัม ที่มีธาตุโครเมียมเจืออยู่จะมีสีแดง เรียกว่าทับทิม การจะเผาให้ทับทิมมีสีแดงสวยและใสนั้น ต้องเผาในบรรยากาศที่มีออกซิเจนเพียงพอ ส่วนไพลินก็เป็นพลอยคอรันดัมที่มีธาตุเจือเป็นเหล็กกับไทเทเนียม ก่อนเผามักมีสีออกขุ่นๆ เช่น ที่เรียกว่าพลอยกิวดา จากศรีลังกา หรือพลอยดิบที่ออกสีน้ำเงินดำปนน้ำตาลจากเมืองกาญจน์ หากนำมาเผาในบรรยากาศที่ขาดออกซิเจน เช่น เผาในเตาน้ำมันหรือเตาแก๊ส ก็จะทำให้มลทินหายไป พลอยจึงใสขึ้นและมีสีน้ำเงินสวยงาม ส่วนบุษราคมนั้นก็เนื่องจากมีธาตุเหล็กเป็นธาตุให้สี