หยุดนอกใจด้วยสัจจา
คนครองเรือนมีครอบครัวท่านว่าจะต้องมีธรรม 4 ประการ ได้แก่ สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ
คนครองเรือนมีครอบครัวท่านว่าจะต้องมีธรรม 4 ประการ ได้แก่ สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ที่เรียกว่า“ฆราวาสธรรม” โดยเฉพาะข้อแรก “สัจจะ” ความซื่อสัตย์ ความจริงใจต่อกันทั้งคำพูดและการกระทำถือว่าสำคัญที่สุดที่ต้องมี
ถ้าไม่ซื่อสัตย์ ไม่จริงใจต่อกันทั้งการกระทำและคำพูด ถือว่าบุคคลนั้น “ประพฤตินอกใจ” และการประพฤตินอกใจนั้น ถือเป็นศัสตราวุธอันร้ายกาจที่ทำให้ความรัก “หักสะบั้น” พลันมลายในทันใด
อันความรักนั้นยากจะตัด...ถ้าเรารักใครสักคนหมดหัวใจ ก็ยากจะตัดได้ในทันทีหากคนรักทำความผิดอะไรก็ตามที่ไม่ใช่ความผิดเพราะการนอกใจ มันตัดยากนักเหมือนสุนทรภู่ว่าไว้ “จะหักอื่น ขืนหัก ก็จักได้ หักอาลัย นี้ไม่หลุด สุดจะหัก สารพัด ตัดขาด ประหลาดนัก แต่ตัดรัก นี้ไม่ขาด ประหลาดใจ” แต่ถ้านอกใจเมื่อไรแม้จะรักมากเทิดทูนแค่ไหน รักที่เคยมีให้จะพลันสะบั้นลงอย่างไม่มีเหลือหรอในทันทีที่จับได้คาหนังคาเขา
พูดถึงเรื่องนี้ผมสงสารและเห็นใจผู้ชายคนหนึ่ง ได้ยินว่า เขาเป็นแค่พ่อค้าขายผัก (ใช้รถเข็นขายในตรอกซอกซอยของกรุงเทพฯ) ที่ทุ่มเทชีวิตให้กับครอบครัวของเขาเพื่อหาเงินส่งลูกเรียนทั้งสามคน
ทว่า สิ่งที่ได้รับการตอบแทน คือ ความเจ็บปวดรวดร้าวใจที่ภรรยาซึ่งอยู่กินกันมาจนลูกคนโตจบปริญญาและทำงานแล้ว คนกลางจบ ปวช. และคนเล็กจบ ปวส. หยิบยื่นให้คือ นอกใจ (อติจริยา)
เขาอายุ 51 ส่วนภรรยา 43 ปี โดยภรรยาไม่ได้ทำงาน ไม่มีรายได้อะไรมาจุนเจือครอบครัว แค่เป็น อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) เท่านั้น ส่วนเขาต้องลงกรุงเทพฯ เพื่อมาเข็นผักขายหาเงินส่งไปให้ลูกเรียน
เป็นเวลาเกือบสิบปีที่เขาหาเงินด้วยความยากลำบากเพื่อส่งให้ลูกเรียนและให้ภรรยาใช้จ่ายในครอบครัว ทุกสัปดาห์เขาจะต้องส่งเงินกลับบ้านประมาณ 3,000-4,000 บาท ไม่เคยต่ำกว่านี้ ไม่เคยขาดส่ง
กว่าจะหาเงินได้ เขาต้องตรากตรำฝ่าแดดร้อนในเมืองหลวง ออกขายตั้งแต่เช้ากลับมาถึงห้องเช่าเกือบ 5 ทุ่มทุกวัน ไม่เคยหยุด แม้เสาร์อาทิตย์ที่คนอื่นหยุด เขาไม่เคยหยุด ยกเสียป่วยจนไม่สามารถออกไปได้
ถึงฤดูทำนาจึงจะกลับบ้านเพื่อไปทำนา เพราะหวังพึ่งภรรยาไม่ได้ บางครั้งก็ไปเพราะเรื่องของลูก บางทีก็ไปงานของญาติ เช่น บวชนาค ทำบุญ
ตลอดเวลาที่เขามาเข็นผักขายเมื่อ 45 ปีหลังที่ผ่านมานี้ เวลาที่เขากลับไปบ้านภรรยาของเขามักจะพูดจาไม่ดี ชอบใช้อารมณ์ ไม่มีเหตุผล เห็นหน้าเขาแล้วต้องมีเรื่องให้มีปากเสียงกันตลอด ซึ่งเขาก็พยายามอดทน ไม่ต่อปากต่อคำ ซึ่งชาวบ้านจะรู้จักเขาดีว่าเป็นคนที่ทำงานและรักครอบครัวมากแค่ไหน
ช่วง 45 ปีมานี้ชาวบ้านพูดกันว่าเธอไปแอบมีผู้ชายคนใหม่ ชอบออกไปนอกบ้านแล้วกลับมาในยามดึกๆ โดยมีคนในหมู่บ้านเห็นเธอนั่งอยู่ในรถกับผู้ชาย เห็นเธอซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปกับผู้ชาย และเป็นผู้ชายคนเดิม
และเรื่องนี้ลูกของเขาทั้งหมดรู้ว่าแม่ของพวกเขาประพฤติเช่นนั้น แต่ก็พูดไม่ออก แต่บางครั้งลูกชายที่เป็นคนกลางถึงกับอดรนทนไม่ได้พูดเหน็บแนมแม่ของเขาไปหลายครั้งอยากจะมีผัวใหม่
กระนั้น เขาก็ไม่เคยล่วงรู้ว่าภรรยาของเขามีพฤติกรรมนอกใจ ลูกๆ ก็ไม่มีใครปริปากบอกพ่อ จนเมื่อสองปีที่ผ่านมา เขาพาลูกเมียไปหาปู่ย่า แล้วภรรยาของเขาก็ทำให้ทางปู่ย่าเห็นพฤติกรรมที่ไม่น่าวางใจ
เมื่อมีโทรศัพท์เข้ามาที่เครื่องของลูกสะใภ้ เธอก็ออกไปพูดข้างนอก เสียงเบาๆ เหมือนมีความลับที่ไม่อยากให้ทุกคนรู้ ทางปู่ย่าบอกลูกชายว่าดูจะไม่เข้าท่าแล้ว แต่เขาก็ยังตอบพ่อกับแม่ของเขาว่าสงสัยเพื่อน อสม.โทรมา
หลังจากที่เขาพามาเยี่ยมพ่อแม่ (ปู่ย่า) ผ่านไป 5 เดือน คนในหมู่บ้านที่เป็นญาติของภรรยาของเขาทนไม่ได้กับพฤติกรรมของหลานที่แอบไปคบหาชายอื่น จึงโทรศัพท์มาแจ้งทางปู่ย่าให้ทราบ
จนในที่สุดเมื่อต้นปีมีการคุยกันโดยมีผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย แต่ทางภรรยาของเขากลับพูดจาไม่เคารพต่อพ่อแม่ของสามี บอกว่าตัวเองไม่ได้ทำผิด แต่ถ้าดูจากนิสัยแล้วเธอเปลี่ยนไปมากทั้งอารมณ์ร้อน เห็นหน้าสามีหงุดหงิดตลอด
กระนั้น เขาก็พยายามที่จะทำใจยอมรับความขมขื่นเพื่อลูกทั้งสาม แต่ภรรยาของเขาดูไม่มีท่าทีที่จะอยู่ร่วมกันต่อไป เพราะพูดอะไรขึ้นมาดูเหมือนว่าเขาผิดหมด
สุดท้ายก่อนสงกรานต์ที่ผ่านมา เขาจึงไปจดทะเบียนหย่าจบชีวิตคู่ โดยที่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องพรรค์นี้จะเกิดกับเขาทั้งที่ลูกก็โตหมดแล้ว
จะบอกว่า การนอกใจ เป็นความผิดร้ายแรงมากในระหว่างผัวเมีย ใครทำคนนั้นก็ชั่ว ซ้ำยังถูกสังคมตอกหน้าตราชื่อว่าสารเลว หากจะป้องกันการนอกใจได้สัจจะเท่านั้น คือกำแพงป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด