พระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร
ช่วงนี้ข่าวคราวของพระธาตุดอยสุเทพมีให้ได้ยินในข่าวในแง่มุมต่างๆ อย่างมากมาย ผมคงไม่ต้องกล่าวถึง
โดย...นพพล ชูกลิ่น
ช่วงนี้ข่าวคราวของพระธาตุดอยสุเทพมีให้ได้ยินในข่าวในแง่มุมต่างๆ อย่างมากมาย ผมคงไม่ต้องกล่าวถึง แต่เป็นเหตุให้ผมนึกอยากเขียนถึงพระธาตุแห่งนี้ สถานที่ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของความเป็น จ.เชียงใหม่ ทุกครั้งที่ไปเชียงใหม่ ผมยังคงอยากขึ้นไปสักการะองค์พระธาตุด้วยตนเองถ้าหากสามารถขึ้นไปได้ แต่ถ้าไม่มีโอกาสได้ขึ้นไปสักการะ ถ้าหากยืนอยู่บริเวณถนนนิมมานเหมินทร์ เราก็สามารถเห็นพระธาตุได้อย่างชัดเจน จนคุณสามารถอธิษฐานขอพรจากพระธาตุจากด้านล่างได้ ไม่ต้องนั่งรถผ่านเส้นทางคดเคี้ยวอีก 11 กิโลเมตร ถือเป็นการสักการะด้วยแรงศรัทธาของผม ผู้ที่อาจจะไม่มีเวลาได้ขึ้นไปสักการะ แต่ในทริปหลังสุดที่ได้ขึ้นไปเชียงใหม่ มีโอกาสได้ขึ้นไปนมัสการพระธาตุด้วยตนเอง ทำให้ผมคิดอยากทราบประวัติพระธาตุขึ้นมา หลังจากกลับมาถึงกรุงเทพฯ และได้ยินข่าวอย่างมากมายตามช่องทางสื่อมวลชนต่างๆ เลยลองค้นหาในวิกิพีเดีย ขออนุญาตนำบทความมาเผยแพร่ และขอขอบคุณวิกิพีเดียมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่บนยอดดอยสุเทพ เป็นหนึ่งในวัดที่มีความสำคัญมากที่สุดของ จ.เชียงใหม่ ในวัดมีเจดีย์ทรงเชียงแสน ฐานสูงย่อมุมระฆังทรงแปดเหลี่ยมปิดด้วยทองจังโก 2 ชั้น ลานเจดีย์เป็นจุดชมทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่ ทางขึ้นเป็นบันไดนาคเจ็ดเศียรก่อปูน วัดพระธาตุดอยสุเทพเป็นวัดสำคัญใน จ.เชียงใหม่ ก่อสร้างตามแบบศิลปะล้านนา
บันไดนาควัดพระธาตุดอยสุเทพ ระหว่างปี 2453-2463
วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร สร้างขึ้นเมื่อปี 1929 ในสมัยพญากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งอาณาจักรล้านนา ราชวงศ์มังราย พระองค์ทรงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุองค์ใหญ่ ที่ได้ทรงเก็บไว้สักการบูชาส่วนพระองค์ถึง 13 ปี มาบรรจุไว้ที่นี่ ด้วยการทรงอธิษฐานเสี่ยงช้างมงคลเพื่อเสี่ยงทายสถานที่ประดิษฐาน พอช้างมงคลเดินมาถึงยอดดอยสุเทพ มันก็ร้อง 3 ครั้ง พร้อมกับทำทักษิณาวัตร 3 รอบ แล้วล้มลง พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้ขุดดินลึก 8 ศอก กว้าง 6 วา 3 ศอก หาแท่นหินใหญ่ 6 แท่น มาวางเป็นรูปหีบใหญ่ในหลุม แล้วอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุลงประดิษฐานไว้ จากนั้นถมด้วยหิน แล้วก่อพระเจดีย์สูง 5 วา ครอบบนนั้น ด้วยเหตุนี้จึงห้ามพุทธศาสนิกชนที่ไปนมัสการสวมรองเท้าในบริเวณพระธาตุ และมิให้สตรีเข้าไปบริเวณนั้น ในปี 2081 สมัยพระเมืองเกษเกล้า กษัตริย์องค์ที่ 12 ได้โปรดเกล้าฯ ให้เสริมพระเจดีย์ให้สูงกว่าเดิมเป็นกว้าง 6 วา สูง 11 ศอก พร้อมทั้งให้ช่างนำทองคำทำเป็นรูปดอกบัวทองใส่บนยอดเจดีย์ และต่อมาเจ้าท้าวทรายคำ ราชโอรสได้ทรงให้ตีทองคำเป็นแผ่นติดที่พระบรมธาตุ
ในปี 2100 พระมหาญาณมงคลโพธิ์ วัดอโศการาม เมืองลำพูน ได้สร้างบันไดนาคหลวงทั้งสองข้าง เพื่อให้ประชาชนขึ้นไปสักการะได้สะดวกขึ้น และกระทั่งถึงสมัยครูบาศรีวิชัย ท่านได้สร้างถนนขึ้นไป โดยถนนที่สร้างนี้มีความยาวถึง 11.53 กิโลเมตร
ผมเก็บภาพพระธาตุด้วยระยะเวลาอันสั้น องค์พระเจดีย์สีทองเหลืองอร่ามตัดกับท้องฟ้าสีสดใส ทำให้เกิดภาพที่งดงามมากในสายตาผม ผมเดินถ่ายรูปในช่วงเวลาตอนบ่ายที่อากาศร้อนมาก แต่ความงดงามที่ผมได้เห็นในช่วงเวลานั้น ทำให้ผมลืมความร้อนของอากาศและที่พื้นจนสนิท เทคนิคการถ่ายภาพในสภาพแสงที่แข็ง หมายถึงเป็นช่วงเวลาเที่ยงถึงบ่าย 3 โมง สิ่งแรกที่ต้องแก้ไขคือการจับทิศทางของแสง หรือยืนถ่ายภาพโดยให้พระอาทิตย์อยู่ด้านหลังเราเสมอ หรือที่เรียกว่าถ่ายตามแสง เพราะจะทำให้ท้องฟ้าที่เป็นแบ็กกราวด์ของภาพมีสีฟ้าสวยงาม สำหรับช่างภาพมือใหม่ แต่ช่างภาพที่มีประสบการณ์อาจใช้เทคนิคการถ่ายภาพย้อนแสงมาใช้ ต้องแล้วแต่ความถนัดของช่างภาพนะครับ แต่ช่างภาพทั่วๆ ไปอาจจะเปลี่ยนมาหามุมภาพที่อิทธิพลของแสงอาจมีบทบาทในภาพไม่มากนัก เช่น ภาพถ่ายในที่ร่มแทนกันได้นะครับ และอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องระวังสำหรับช่างภาพมือใหม่สำหรับการถ่ายภาพในสภาพแสงที่แข็ง คือ อุณหภูมิสีจะมีความคลาดเคลื่อนได้ง่าย การชดเชยแสงจึงมีความสำคัญมากๆ นะครับ ผมเก็บภาพพระธาตุในระยะเวลาสั้นๆ ในมุมมองของผมมาให้ท่านผู้อ่านได้พบมุมมองที่แตกต่างไปบ้าง เพื่อเป็นไอเดียในการเก็บภาพไว้ในความทรงจำนะครับ แล้วพบกันครับ