ตะลุยถนนแฟชั่น 5 สาย ‘บางกอก แฟชั่น อเวนิว 2014’
วันเสาร์ที่จะถึงนี้แล้ว ที่คนไทยจะได้เริ่มสัมผัสกับปรากฏการณ์ทางแฟชั่นรูปแบบใหม่ที่จะแปลงโฉม 5 ย่านแฟชั่นของกรุงเทพฯ
โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา
วันเสาร์ที่จะถึงนี้แล้ว ที่คนไทยจะได้เริ่มสัมผัสกับปรากฏการณ์ทางแฟชั่นรูปแบบใหม่ที่จะแปลงโฉม 5 ย่านแฟชั่นของกรุงเทพฯ อย่าง จตุจักร สยาม บางลำพู ประตูน้ำ และสุขุมวิท ให้กลายเป็นแหล่งรวมแฟชั่น โดยความร่วมมือของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม นิตยสารแฟชั่นชั้นนำ แอล, แมรี แคลร์ และแอล เมน โดยจะเปิดประเดิมย่านแรกที่จตุจักร
จุดประกายแฟชั่นในตัวให้ลุกโชน
สิริมน ณ นคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท โพสต์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีเดีย ในฐานะผู้ดำเนินโครงการ บอกว่า เพื่อให้ตอบโจทย์วัตถุประสงค์ของการจัดงานต้องการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยและขนาดกลาง ภายใต้ธีม Everywhere is Fashion หรือการนำแฟชั่นเข้าไปหาทุกคนตามสถานที่ต่างๆ ดังนั้นสถานที่จัดงานที่เราเลือกทั้ง 5 แห่ง ต้องมีความเป็นชุมชน เป็นที่สาธารณะ ที่สำคัญแต่ละย่านนั้นก็มีเอกลักษณ์ ความโดดเด่น ที่ไม่เหมือนกัน
สำหรับย่านที่คิดคอนเซ็ปต์ยากสุด สิริมนยกให้ย่านสุขุมวิท เพราะเป็นถนนเส้นที่ยาวมาก เป็นแหล่งธุรกิจ ความบันเทิง ประกอบด้วยหลายมิติ แต่ด้วยย่านนี้สะท้อนความเป็นคนเมืองสูงมาก จึงเลือกนำเสนอด้วยการเน้นร้านขายของออนไลน์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น และตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองจำนวนมากที่ไม่ค่อยมีเวลา จนต้องเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อช็อปปิ้ง
ในส่วนของเสื้อผ้าทั้งหมดที่จะมาใช้ในแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ สิริมน บอกว่า สไตลิสต์แต่ละเวทีจะเลือกจากเสื้อผ้าที่วางขายในย่านนั้น แล้วเอามามิกซ์แอนด์แมตช์ ยกเว้นสยามที่เป็นโชว์จาก 20 ดีไซเนอร์มืออาชีพ เพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์โชว์
“แฟชั่นโชว์ที่ออกมาทุกเวที จะจุดประกายให้ผู้ชมเกิดแรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ในการมิกซ์แอนด์แมตช์ เห็นถึงความสนุกในแฟชั่นการแต่งตัว ชอบลุคไหนก็ไปหาซื้อมามิกซ์แอนด์แมตช์เป็นสไตล์ของตัวเองได้ เพราะของเราเอามาจากย่านนั้นๆ ในงานเองก็มีการออกบูธจำหน่ายสินค้า ยกเว้นที่สยามที่เดียวที่ไม่มีการออกร้าน”
สิริมน ยังบอกด้วยว่า เพื่อเป็นการเติมความสุขให้ผู้ชม งานนี้ยังนำแฟชั่นมาเชื่อมโยงกับดนตรีเข้าไว้ด้วยกัน โดยนำวงดนตรีแนวหน้าของไทยมาร่วมโชว์ เพื่อให้โชว์นั้นมีความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น โดยวงดนตรีที่เล่นนั้นจะเป็นวงที่มีเอกลักษณ์ตรงกับคอนเซ็ปต์แต่ละย่าน
“ทั้ง 5 ย่านจะมีเวทีหลักเหมือนกัน เป็นเวทีสูงประมาณ 9 เมตร แล้วต่อยาวไปสู่รันเวย์ ซึ่งรันเวย์แต่ละที่จะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับรูปแบบของสถานที่ แต่ยืนยันว่างานนี้ไม่มีการปิดถนน”
5 ย่าน 5 สไตล์แฟชั่น
1.ย่านจตุจักร ณ โครงการจตุจักรกรีน ด้วยความที่ย่านนี้เป็นศูนย์กลางทางคมนาคม เป็นแหล่งรวมของนักช็อปทั้งไทยและต่างประเทศด้วยร้านค้ากว่า 8,000 ร้าน แต่ละร้านมีความหลากหลายจนย่านนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “เวิลด์คลาสช็อปปิ้ง” ดังนั้นคอนเซ็ปต์ของย่านนี้คือ “อิเล็กทริก” เน้นการมิกซ์แอนด์แมตช์ที่ใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน เป็นการแสดงแฟชั่นโชว์บนเวทีรูปแบบแนวตั้ง ผสมผสานกับดนตรีของโมเดิร์นด็อก โดยสไตลิสต์ชื่อดัง คณธีร์ ภมรานนท์
วันงาน : 6 ก.ย.นี้ เวลา 14.00-21.00 น. กิจกรรมบนเวที 18.30-22.00 น. (แฟชั่นโชว์ 45 ลุค)
2.ย่านบางลำพู เป็นย่านที่มีเรื่องราวเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมที่หลากหลาย และมีความเป็นแฟชั่นที่อินดี้เฉพาะตัว แฟชั่นโชว์ย่านนี้จะผสมผสานสไตล์อันโดดเด่น ภายใต้แนวคิด คัลเจอร์ แอนด์ ไวลด์ จาก ประภากาศ อังศุ เสื้อผ้าที่นำมาโชว์นั้นยังความสวยงาม แต่จะแฝงความดิบที่แสดงออกถึงวัฒนธรรม บนรันเวย์ที่ยาวขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา เลาะริมฝั่ง ณ สวนสันติชัยปราการ และเติมรสชาติความสนุกด้วยศิลปิน แทททู คัลเลอร์ และอีทีซี
วันงาน : 20 ก.ย.นี้ เวลา 14.00-21.00 น. กิจกรรมบนเวที 18.00-22.00 น. (แฟชั่นโชว์ 25 ลุค)
3.ย่านประตูน้ำ เป็นแหล่งค้าส่งสินค้าแฟชั่นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ย่านนี้สะท้อนถึงความสนุกของแฟชั่น สีสัน การเคลื่อนไหวของเทรนด์แฟชั่นที่รวดเร็ว ดังนั้นคอนเซ็ปต์จึงเป็น แฟชั่น ฟอร์ ฟัน โดย เบิ้มธีระ ต่ายทอง รูปแบบแฟชั่นโชว์ผสมผสานเสื้อผ้าจากย่านแพลทินั่มมาสร้างสรรค์รูปแบบเป็นแฟชั่นโชว์ที่สนุกบนเวทีกลางใหญ่หันหน้าเข้าไปทางหน้าห้างแพลทินั่ม ประกอบด้วยเวทียาวออกไปอีกสองข้างทาง เวทีนี้ยกให้ บี้สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว เอนเตอร์เทนเนอร์ตัวจริงที่เป็นขวัญใจของคนไทยค่อนประเทศ
วันงาน : 18 ต.ค.นี้ เวลา 14.00-21.00 น. กิจกรรมบนเวที 18.00-21.00 น. (แฟชั่นโชว์ 30 ลุค)
4.ย่านสุขุมวิท ย่านนี้สะท้อนความเป็นคนเมืองของคนกรุงเทพฯ อย่างแท้จริง กลางวันเด่นชัดด้วยความเป็นแหล่งถนนคนทำงาน ยามเย็นเป็นแหล่งรวมร้านอาหารและแหล่งแฮงเอาต์สุดคูล จึงเป็นที่มาของคอนเซ็ปต์ ดัสค์ ทิล ดอว์น นำเสนอการแต่งกายที่สามารถดัดแปลงจากลุคกลางวันเป็นลุคออกงานกลางคืนได้ โดย ธีระ ต่ายทอง งานจะมีขึ้น ณ อารีน่า 10 โดยศิลปินที่จะมาร่วมสร้างบรรยากาศคือ ป๊อบ ปองกูล ความพิเศษของย่านนี้คือ การออกร้านของร้านค้าออนไลน์กว่า 50 ร้าน
วันงาน : 2 พ.ย.นี้ เวลา 11.00-21.00 น. กิจกรรมบนเวที 18.00-21.00 น. (แฟชั่นโชว์ 30 ลุค)
5.ย่านสยาม เป็นที่รู้กันว่าแฟชั่นของย่านนี้จะก้าวล้ำ นำหน้าที่อื่น แถมยังมีดีไซเนอร์มากกมายแจ้งเกิดจากที่นี่ ทั้งที่เป็นเทรนด์เซตเตอร์ อย่าง Asava, Issue, Kloset, Theatre และ Senada และแบรนด์น้องใหม่อย่าง Janesuda และ Kwankao คอนเซ็ปต์ย่านนี้ คือ แฟชั่น ฟอร์เวิร์ด รูปแบบของโชว์จะเป็นการรวมตัวกันของ 10 ดีไซเนอร์ไทยระดับแนวหน้าและดีไซเนอร์หน้าใหม่ที่เปิดร้านที่สยามรวมกัน โดยมี อาร์ตอารยา อินทรา เป็นสไตลิสต์ แฟชั่นโชว์จะมีขึ้น ณ พาร์ค พารากอน ศิลปินที่จะมาร่วมส่งมอบความสนุกคือ บิ๊กแอส
วันงาน : 16 พ.ย.นี้ กิจกรรมบนเวที 18.00-22.00 น. (แฟชั่นโชว์ 30 ลุค)
สาวไทยแซ่บเวอร์ไม่แพ้ใครในโลก
ด้าน พลอยชวพร เลาหพงศ์ชนะ แฟชั่นนิสต้าคนดังของเมืองไทย บอกเล่าถึงความชอบที่มีต่อแฟชั่นว่า สำหรับพลอย แฟชั่นเหมือนเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ที่ทำให้โลกนี้ดูมีชีวิตชีวา ถามว่าสนใจด้านแฟชั่นตั้งแต่เมื่อไร พลอย บอกว่า ไม่ได้ชัดเจนว่าเมื่อไหร่ รู้แต่ว่าชอบแต่งตัว ได้เรียนมาด้านแฟชั่น และทำงานด้านแฟชั่นด้วย แฟชั่นเลยอยู่รอบๆ ตัวมาตลอด และเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก
“พลอยว่าแฟชั่นไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่งตัวแบบนี้ สีนี้แล้วดูสวยเท่านั้น แต่แฟชั่นยังสามารถบอกถึงคาแรกเตอร์ อารมณ์ ความรู้สึกของคนคนหนึ่งในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี”
หลายคนที่ติดตามอินสตาแกรมของพลอย คงไม่ปฏิเสธว่าเธอแต่งตัวได้แซ่บเวอร์ แต่ละชุดไม่เคยทำให้ผิดหวัง ถามถึงสไตล์ที่เป็นตัวพลอย เธอออกตัวว่า ไม่มีกฎตายตัว แต่งตามกาลเทศะ สถานที่และโอกาสมากกว่า
“มีบางวันที่พลอยแอบขี้เกียจแต่งตัว ก็เป็นแนวสบายๆ เหมือนกัน การแต่งตัวของพลอยมีหลายลุค บางวันก็มิกซ์แอนด์แมตช์ทั้งตัว บางวันก็เป็นแบบโททัลลุคไปเลย ซึ่งถ้าเป็นแบบหลังก็สบายไม่ต้องเหนื่อยคิดเยอะ”
ถามถึงเทคนิคการมิกซ์แอนด์แมตช์ลุคอย่างไรไม่ให้พลาด พลอย บอกว่า ทุกอย่างไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว เน้นความเป็นธรรมชาติ ชอบอะไรก็หยิบมาใส่ บางทีคิดเยอะเกินไปออกมาก็ไม่สวย แต่สุดท้ายโททัลลุคที่ออกมาต้องมีความสมดุล
“สำหรับมือใหม่หัดมิกซ์แอนด์แมตช์ พลอยแนะนำให้เริ่มจากการจับคู่โทนสีมาแมตช์กัน จากนั้นค่อยเริ่มมิกซ์แอนด์แมตช์เสื้อผ้าที่เทกซ์เจอร์ต่างกัน การหยิบแอกเซสซอรี่ต่างๆ เข้ามาช่วยเติมเต็ม แต่ลุคก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เช่น หมวก เข็มขัด ลองหยิบมาเติมชุดที่มีอยู่ ก็อาจได้อีกลุคหนึ่งที่น่าสนใจ”
แฟชั่นนิสต้าคนดัง ทิ้งท้ายว่า ถ้าพูดถึงเรื่องการแต่งตัวของสาวไทย คนไทยแต่งตัวไม่แพ้ชาวต่างชาติ ติดแต่เรื่องสภาพอากาศที่เป็นข้อจำกัดในการเรื่องการแต่งตัวไม่ได้หลายเลเยอร์ แต่เรื่องความแซ่บ ความกล้าในการแต่งตัว รับรองคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก