แสงดาวแห่งเอเชีย...เราคงคิดถึงเธอ
“ฉันพอใจมากกับอาชีพนักเทนนิส และรู้สึกว่านี่คือเวลาดีที่สุดสำหรับการอำลา ฉันไม่รู้สึกเศร้าหรือเสียใจเลยกับการรีไทร์”
โดย...นูโน่
“ฉันพอใจมากกับอาชีพนักเทนนิส และรู้สึกว่านี่คือเวลาดีที่สุดสำหรับการอำลา ฉันไม่รู้สึกเศร้าหรือเสียใจเลยกับการรีไทร์”
คำเปิดใจครั้งแรกของ หลี่นา ต่อหน้าสื่อมวลชน นับตั้งแต่ช็อกวงการประกาศแขวนแร็กเกตผ่านโซเชียลมีเดีย เมื่อวันที่ 20 ก.ย. เพราะปัญหาบาดเจ็บเข่ารุมเร้า
อาจจะตัดใจยาก แต่มันถึงเวลาแล้ว!
เสียดายแต่ไม่เสียใจ
ด้วยกราฟชีวิตที่กำลังอยู่ในระดับท็อปของอาชีพ ในฐานะมือ 6 ของโลกที่หล่นมาจากอันดับ 2 เพราะไม่ได้ลงแข่ง ก็ย่อมมีบ้างในช่วงการตัดสินใจที่มีคำถามกับตัวเอง
“หากรีไทร์แล้วจะเสียใจมั้ย?”
แต่หัวใจของเธอบอกว่า “ไม่” เพราะเธอได้ทำดีที่สุดแล้ว
กระนั้นก็ตาม การจากลาทุกครั้งย่อมหนีไม่พ้นความเศร้า โดยเฉพาะการบอกลาเร็วเกินคาดแบบนี้ เพราะคงไม่มีใครปฏิเสธว่า หากไม่คิดถึงเรื่องการบาดเจ็บ นักหวดวัย 32 ปีชาวจีน ยังมีโอกาสประสบความสำเร็จต่อเนื่องไปอีก
ณ ช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ที่มีผู้สื่อข่าวเกือบ 200 ชีวิตให้ความสนใจ นักข่าวจีนคนหนึ่งยกมือขึ้นเพื่อถามคำถาม แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็อยู่ในความเงียบ ก่อนจะร้องไห้ออกมา
วินาทีนั้นทำเอาอีกหลายคนในห้องแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ก่อนที่เจ้าของแชมป์แกรนด์สแลม 2 สมัย จะหยิบทิชชูของตัวเองยื่นให้ซับน้ำตา
และแล้วน้ำใสๆ ก็ไหลออกมาจากดวงตาของนักหวดเบอร์ 1 เอเชียเช่นกัน
มีวันนี้เพราะเสียพ่อ
ความสำเร็จไม่สามารถเนรมิตได้ในวันเดียวฉันใด กว่าจะมายืนตรงนี้ได้ หลี่นาก็ต้องใช้ความพยายามและฝ่าฟันอุปสรรคมามากมายฉันนั้น
และหนึ่งในกุญแจสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเธอ ก็คือ การสูญเสียพ่อ
ย้อนไปเมื่อตอนอายุ 14 ปี เธอต้องรีบโตเป็นผู้ใหญ่โดยเร็วเพื่อดูแลแม่ หลังต้องสูญเสียคุณพ่อที่เป็นผู้นำครอบครัวไป และความสำเร็จในเส้นทางสายเทนนิส คือโอกาสเดียวของเธอ
ครอบครัวของหลี่ประสบปัญหาทางการเงิน หลังจากหลี่เฉิงเปง พ่อของเธอเสียชีวิตลงตอนกำลังเข้าสู่วงการลูกสักหลาด และนั่นคือแรงผลักดันที่ทำให้เธอมุ่งมั่นต้องเป็นยอดนักหวดให้ได้
“ฉันคิดว่า เธอคือผู้หญิงที่แข็งแกร่ง เธอต้องดูแลแม่ของเธอ เมื่อพ่อจากไป ฉันคิดแบบนั้น และบอกกับตัวเองว่า โอกาสเดียวคือเธอต้องเป็นนักเทนนิสที่ยอดเยี่ยม”
อีก 2 ปีหลังจากนั้น หลี่นาก็ได้เข้าร่วมทีมชาติจีน โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการฝึกซ้อมและส่งแข่งขัน
“ฉันไม่เคยบอกแม่เลยว่ารู้สึกอย่างไร แม้ในช่วงเวลาที่ฉันไม่ชอบเทนนิส ฉันก็บอกเธอว่า ฉันรักเทนนิส ฉันต้องการเล่นต่อ”
นั่นคือเหตุผลที่เธอพูดถึงพ่อในแถลงการณ์อำลาเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า “พ่อยังเป็นแสงสว่างในชีวิตของฉัน และฉันเป็นฉันในทุกวันนี้เพราะพ่อ”
นอกจากพ่อแล้วคาร์ลอส โรดริเกซ โค้ชาวอาร์เจนไตน์ ก็เป็นอีกคนที่มีอิทธิพลทำให้เธอเปลี่ยนไปอีกครั้ง หลังประสบปัญหาฟอร์มตกและกลับมาคว้าแชมป์แกรนด์สแลมอีกครั้ง พร้อมกับความคิดใหม่
“เขาบอกว่า เธอจะเป็นนักเทนนิสที่ดี หรือจะเป็นแชมป์ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งฉันรู้สึกว่ามันไม่ต่างกัน และถามกลับไปว่า ทำไม? เขาตอบว่า ไม่ มันไม่เหมือนกัน แชมเปี้ยนจะเป็นแชมเปี้ยนอยู่ทุกที่ไม่ใช่ในสนามเท่านั้น”
คำสอนนั้นทำให้เธอมีสติและอ่อนลงเมื่ออยู่นอกสนาม แทนที่จะชนไปเสียทุกอย่างเหมือนเมื่อก่อน
หลี่นา 2 มีแน่...แค่อย่าหยุดฝัน
นับเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ต้องขาดนักหวดเบอร์ 1 ของเอเชียและอยู่ในระดับท็อปของโลกไป แต่หลังต้องผ่าเข่าถึง 4 ครั้ง และฉีดยาเป็นร้อยครั้งทุกสัปดาห์เพื่อลดอาการบวมและความเจ็บปวด ร่างกายขอให้เธอหยุด
การประกาศอำลาวงการของหลี่นา เกิดขึ้นหลังจากคว้าแชมป์ออสเตรเลียน โอเพ่น 7 เดือน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่วงไฮไลต์ของอาชีพ ต่อจากการคว้าแชมป์เฟรนช์ โอเพ่น ปี 2011 นอกเหนือจากการคว้าแชมป์ 9 รายการ และปลุกกระแสความนิยมในแดนมังกร
แต่ก็ยังถ่อมตัว!!
“ฉันอยากจะบอกทุกคน เพราะทุกคนมีความฝันของตัวเอง ต้องตามฝันของตัวเอง หลี่นาคนต่อไปอาจจะเกิดขึ้นได้ตลอด นักเทนนิสคนต่อไปอาจจะดีกว่าฉันก็ได้” เธอ กล่าว
เส้นทางสู่ความสำเร็จของหลี่นา ไม่เพียงเป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนรุ่นหลัง แต่ยังเป็นผู้นำร่องของวงการกีฬาในจีน จากการตัดสินใจแยกออกจากระบบกีฬาของรัฐบาลในปี 2008 จนได้รับการขนานนามจากสื่อท้องถิ่นว่า “บินเดี่ยว”
การเดินหน้าครั้งนั้น ทำให้เธอสามารถเลือกโค้ชของตัวเอง และเก็บเงินรางวัลส่วนใหญ่จากการแข่งขันไว้เอง แทนที่จะคืนให้กับรัฐบาลเหมือนตอนอยู่ในระบบ
อย่างไรก็ตาม เธอเลี่ยงที่จะแนะนำให้นักหวดรุ่นใหม่ของจีนเดินตามรอย โดยโฟกัสไปที่ช่วงเวลาดีๆ ตอนอยู่ในระบบแทน
“ฉันไม่ค่อยชอบคำว่า ‘บินเดี่ยว’ เท่าไหร่ มันเป็นคำที่สื่อสร้างขึ้น โดยส่วนตัวแล้ว ฉันอยากให้เรียกว่า มืออาชีพมากกว่า”
ยอดนักหวดชาวจีนยังเสริมว่า หากเธอไม่ได้ฝึกซ้อมกับทีมชาติจีน ก็คงไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เหมือนทุกวันนี้ และยังคงคิดถึงวันเก่าๆ สมัยที่ยังอยู่ในทีม ฝึกซ้อมด้วยกัน อยู่ด้วยกัน และเต็มไปด้วยมิตรภาพ
แม้จะหันหลังให้กับการแข่งขัน แต่เธอก็ยังไม่ทิ้งวงการเทนนิส เพราะเธอตั้งใจจะทำงานเพื่อพัฒนาเทนนิสในบ้านเกิด และทำงานกับเด็ก ซึ่งรวมถึงเด็กด้อยโอกาสและลูกของเธอด้วย
เพราะเด็กๆ คือส่วนหนึ่งในชีวิต