posttoday

‘เสน่ห์ปลายจวัก’ ในยุคสมัยที่แปรเปลี่ยน

22 เมษายน 2558

สภาพการณ์ปัจจุบันของสังคมไทยนั้น ร้านอาหารต่างๆ และแผงลอยขายอาหารริมฟุตปาทข้างถนนหรือสตรีท ฟู้ด

โดย...พริบพันดาว

สภาพการณ์ปัจจุบันของสังคมไทยนั้น ร้านอาหารต่างๆ และแผงลอยขายอาหารริมฟุตปาทข้างถนนหรือสตรีท ฟู้ด มีอยู่ทุกหัวระแหงจนถูกปากติดใจคนต่างชาติโด่งดังไปทั่วโลก

ในเมืองหลวงและเมืองใหญ่ ครอบครัวต่างๆ ไม่ค่อยทำอาหารกินกันเองในครัวเรือน โดยเฉพาะวิถีชีวิตหรือไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้คนไปฝากท้องไว้กับศูนย์อาหารต่างๆ ในห้างสรรพสินค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ที่มีอยู่มากมาย และส่วนมากพึ่งพาอาหารถุงจากแผงลอยขายอาหารและร้านอาหารต่างๆ เป็นหลัก จนทำให้ผู้หญิงยุคปัจจุบันแทบจะไม่มีทักษะการทำอาหารกินเองแบบคนรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย

ความใฝ่ฝันของชายหนุ่มที่จะมีแฟนหรือภรรยาที่เป็นแม่ศรีเรือนมีฝีมือการทำอาหารที่อร่อยด้วยรสมือ จึงเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในยุคนี้ คุณสมบัติในการเข้าครัวเพื่อปรุงอาหารให้สามีและลูกๆ รวมไปถึงเวลามีญาติผู้ใหญ่หรือมีแขกมาบ้านก็สามารถโชว์ฝีมือทำอาหารเลี้ยงแขกได้ ดูเหมือนไม่ใช่คุณสมบัติของผู้หญิงที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดอีกต่อไป

ในทางกลับกัน ยุคโซเชียลมีเดียและกระแสฮิปสเตอร์ซึ่งเป็นที่นิยมกันในสังคม โดยเฉพาะการเข้าครัวปรุงอาหารเอง แล้วถ่ายโชว์ผ่านในเครือข่ายสังคมของตัวเอง ได้กลายเป็นเรื่องปกติไปเรียบร้อยแล้ว ภาพสวยๆ ของอาหารที่ผ่านการปรุงสดๆ จากหนุ่มสาวรุ่นใหม่ทั้งคาวและหวานได้ถูกโพสต์อย่างไม่เว้นวันหรือจะเกือบมื้อต่อมื้อให้บรรดาเพื่อนๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อของเขาได้ชื่นชมจนท้องร้องเพราะความหิว

ทำให้เริ่มมีความหวังว่า หนุ่มสาวรุ่นใหม่ โดยเฉพาะสาวๆ เริ่มหันกลับมาสนใจ “เสน่ห์ปลายจวัก” กันอีกคราแล้วหรือไม่? ไปค้นหาคำตอบกัน

‘เสน่ห์ปลายจวัก’ ในยุคสมัยที่แปรเปลี่ยน

ความหมายของ ‘เสน่ห์ปลายจวัก’

ผู้หญิงกับการทำอาหาร ซึ่งพบว่าผู้หญิงสมัยนี้หลายคนทำอาหารไม่เป็น ด้วยหลายเหตุผลที่นำมาประกอบเพื่อยืนยันความชอบธรรม เช่น บางคนไม่คิดจะหัดทำ ด้วยเหตุผลที่ว่าผู้ชายหรือสามีทำอร่อยกว่า เก่งกว่า มีแม่บ้านแม่ครัว มีเงินเยอะซื้อทานได้ ร้านอาหารมีเยอะแยะ อาหารแช่เเข็งมีถมเถซื้อมาเข้าไมโครเวฟก็ได้ ทำงานนอกบ้านเหนื่อยสายตัวแทบขาด และอีกจิปาถะที่หยิบมา

โดยเฉพาะทัศนคติที่แปรเปลี่ยนไปของผู้หญิงสมัยใหม่ที่มองว่า เรื่องทำอาหารไม่สำคัญในชีวิตคู่ในยุคปัจจุบันอีกต่อไป เพราะผู้หญิงก็ออกไปทำงานนอกบ้านเหมือนกับผู้ชายด้วยเช่นกัน รวมถึงทัศนคติในการหาคู่ครองของผู้ชายยุคใหม่เน้นเรื่องความสวยเก๋โฉบเฉี่ยวทันสมัยของผู้หญิงเป็นหลัก ส่วนเรื่องนิสัยและเสน่ห์ปลายจวักเป็นของแถมส่วนเล็กๆ ที่มีก็ถือเป็นกำไรชีวิต

หากมาดูถึงที่มาของสุภาษิตสำนวนไทยของคำว่า “เสน่ห์ปลายจวัก” นั้น หมายถึง เสน่ห์ที่เกิดจากฝีมือปรุงอาหารให้โอชา มักใช้กับผู้หญิงที่ต้องทำหน้าที่แม่บ้านแม่เรือน อย่างเช่น การทำอาหาร ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของผู้หญิง

ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและครอบครัว ได้เขียนบทความเรื่อง “10 สิ่งที่ผู้ชายชอบในตัวผู้หญิง” การเป็นแม่ศรีเรือนคือหนึ่งในคุณสมบัติข้อนั้น โดยให้เหตุผลว่า ผู้ชายร้อยทั้งร้อยชอบผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านแม่เรือน ทำอาหารอร่อย คุณยายเคยบอกว่าหากจะเข้าถึงหัวใจผู้ชายต้องรู้จักท้องของเขา ต้องจำสิ่งนี้ไว้ให้ดีๆ ผู้ชายชอบผู้หญิงที่ทำอาหารเป็น การเลือกภรรยาที่ดีดูที่ฝีมือทำอาหารด้วย

ตามทัศนคติของคนยุคก่อน ก็คือ ผู้หญิงที่มีฝีมือและความชำนาญในการปรุงอาหารจนสามีติดใจโดยไม่คิดปันใจไปให้หญิงอื่น และเป็นที่รักของสามีตลอดไป คนโบราณของไทยนั้นได้เปรียบเทียบถึงผู้หญิงที่หน้าตาสดสวย เมื่อถึงคราวแต่งงานลงครองเรือนแต่ทำกับข้าวปรุงอาหารให้สามีทานไม่เป็น ผลสุดท้ายก็จำเป็นต้องเลิกรากันไป แตกต่างกับหญิงสาวอีกคนหนึ่งหน้าตาไม่ได้สดสวยงดงามอะไรมากนัก เมื่อถึงคราวครองเรือนกับสามีกับปรนนิบัติพัดวีและปรุงอาหารให้สามีได้ทานจนติดใจ เรียกว่า “เสน่ห์ปลายจวัก ผัวรักจนตัวตาย”

คนโบราณจึงพร่ำสอนอยู่เสมอว่าการเป็นผู้หญิงต้องเก่งทั้งงานบ้านงานเรือนไม่ใช่ให้สวยแต่ใบหน้าอย่างเดียวทำอะไรก็ไม่เป็น แต่ยิ่งไปกว่านั้นการทำอาหารให้คนในครอบครัวกิน สิ่งที่ตอบแทนกลับมาคือ “มีความสุข” แต่ไม่จำเป็นต้องถามว่าแค่ไหน เพราะเป็นเรื่องนามธรรมของแต่ละคน ไม่ใช่แค่มัดใจลูกกับสามี ยังมัดใจครอบครัวสามี ญาติพี่น้องได้ด้วย

เพราะฉะนั้นอาหารอร่อยกับความรัก จึงเชื่อมโยงกันอย่างแนบสนิทมา ฝีมือปลายจวักอาหารรสเลิศ พร้อมหน้าพร้อมตากินกันทั้งครัวเรือน...

‘เสน่ห์ปลายจวัก’ ในยุคสมัยที่แปรเปลี่ยน

จวักยังจำเป็นสำหรับหญิงสาว

พจนานุกรมอาจารย์เปลื้อง ณ นคร ได้อธิบายถึง “เสน่ห์ปลายจวัก” ว่าเป็นสุภาษิตสำนวนไทย ซึ่งหมายถึง เสน่ห์ที่เกิดจากการปรุงอาหารให้อร่อย ใช้อธิบายผู้หญิงที่มีฝีมือการทำอาหารเป็นเลิศ จนทำให้สามีรักและหลง คำนี้เป็นสุภาษิตสอนหญิงอีกคำหนึ่งที่สอนให้ผู้หญิงไม่ขาดตกบกพร่องในงานบ้านงานเรือน

อุรุดา โควินท์ นักเขียนสาวชื่อดังซึ่งเขียนคอลัมน์เกี่ยวกับอาหารด้วย แถมในเฟซบุ๊กของเธอก็มีโพสต์การทำอาหารอยู่เป็นประจำให้ผู้ที่ติดตามได้กลืนน้ำลายอยู่เนืองๆ ในมุมมองของเธอ เสน่ห์ปลายจวัก ยังมีอยู่อีกไหม? และมีการสืบทอดจากรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายายอย่างไร

“มีหรือเปล่านี่ตอบยาก เพราะคำว่าเสน่ห์สำหรับเราเป็นภาพรวมนะ แต่ที่แน่ๆ คนทำอาหารเป็นอยู่ไหนก็ได้ ไม่อดตาย และมีเพื่อนกินอย่างแน่นอน และคนที่ทำอาหารอร่อย ก็จะยิ่งอยู่ง่ายขึ้น ในสังคมเมืองที่เราซื้อเขากิน มากกว่าทำกินเอง คนทำอาหารอร่อยมีคุณค่ามาก และคุณค่านั้นแปรเป็นมูลค่าได้อย่างแน่นอน ทำปิ่นโตส่งสักสิบยี่สิบเถาก็เป็นอาชีพได้แล้วเป็นรายได้อย่างดีด้วย”

การสืบทอดรสมือหรือรับสูตรเคล็ดลับการทำอาหารจากพ่อแม่ปู่ย่าตาย สำหรับผู้หญิงนั้น อุรุดาบอกว่า สำคัญมาก

‘เสน่ห์ปลายจวัก’ ในยุคสมัยที่แปรเปลี่ยน อุรุดา โควินท์

“อาหารที่เราต้องเคยกินมาก่อน และกินจนเข้าใจว่ามันอร่อยอย่างไร ถ้าเราไม่รู้ว่าอร่อยอย่างไร เราจะไม่มีทางทำมันได้ ไม่ว่าจะเปิดตำรากี่ตำรา หรือดูรายการทำอาหารกี่รายการ อาหารหลายชนิดที่ยายทำให้กินตอนเด็ก เราก็ทำไม่เป็นนะ คือเราไม่ได้อยู่กับยายในครัวตลอดเวลา แต่แน่นอน เรากินเป็น พอไม่มียาย เราอยากกินห่อหมกใช่ไหม เอาล่ะ เราจำได้ว่ามันต้องไม่คาว ไม่หวานเกินไป เผ็ดพอประมาณ ไม่มันจนเลี่ยน มีปลามากกว่าผัก และต้องมีความเหนียวหนึบ ลิ้นนี่ล่ะ คือขุมทรัพย์แห่งความทรงจำ วิธีทำหาจากที่อื่นได้ แต่รสมือที่ติดลิ้น หาซื้อสำเร็จรูปไม่ได้”

เสน่ห์ปลายจวักในมุมมองทางเพศสภาพ หรือมุมมองของนักเขียนสายสตรี อุรุดามองว่า ครัวเป็นพื้นที่ของอำนาจและความไว้วางใจ

 “เรามักเห็นยายของเราอยู่ในครัวเสมอ และเห็นแม่อยู่ในครัวทุกเย็น เมื่อเราโตขึ้น เราเห็นว่าผู้หญิงอยู่ในครัวน้อยลง เพราะผู้หญิงมีหน้าที่อื่นต้องทำ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เมื่อใดเห็นผู้หญิงในครัว คนส่วนใหญ่ก็รู้สึกธรรมดา อย่างมากก็ เออนะ...ผู้หญิงคนนี้ชอบทำกับข้าว ดีจัง แต่ถ้าลองผู้ชายทำกับข้าวอร่อยสิ โอ้โห!..ปฏิกิริยาของผู้คนจะต่างกันมากเลย เก่งจัง อบอุ่นจัง น่ารักที่สุด เราคิดว่า เป็นเพราะ
ผู้หญิงมีธรรมชาติของผู้ดูแลและปกป้องนะ งานครัวในบ้านจึงดูเข้ากับผู้หญิงได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับเราครัวเป็นพื้นที่ของอำนาจและความไว้วางใจ ตัดเรื่องเพศออก ก็ยังเป็นเช่นนั้น คนที่ยืนหน้าเตา ทำกับข้าวให้คนอื่นกิน คือคนที่ได้รับความไว้วางใจ และทรงอำนาจ ไม่ว่าเขาหรือเธอจะเป็นเพศใด”

สุดท้าย อุรุดาย้ำว่า  เสน่ห์ปลายจวักนั้นคือความเป็นเป็นสากล และคือความจำเป็นของชีวิต

“อย่างน้อยที่สุด คุณต้องทำอาหารพอกินได้สักอย่างสองอย่างนะ แล้วคุณต้องหุงข้าวหรือทำขนมปังเป็น ใครจะรู้วันหนึ่งอาจไม่มีอาหารขายก็ได้ แล้วคุณจะเอาอะไรกิน กลับไปกินเหมือนครั้งที่เรายังไม่ค้นพบอาหารหรือ?”

‘เสน่ห์ปลายจวัก’ ในยุคสมัยที่แปรเปลี่ยน

ความเลื่อนไหลที่เปลี่ยนไป

ความสำคัญของครัว ชาวจีนสมัยก่อนจะมีเวลาสั่งสอนลูกก็ตอนทานอาหาร หรือถ้ามีบริวารเยอะ เถ้าแก่หรือเจ้าของกิจการจะกินข้าวกับบริวาร เหมือนกับว่าครัวจะเป็นสัญลักษณ์ หรือตัวแทนของการมีบริวารดี
มีบุตรดี และมีครอบครัวที่ดี

รวมไปถึงความสามารถที่จะตั้งกิจการได้ ชาวจีนจึงยกให้ “ครัว” เป็นตัวแทนของความรัก ครอบครัว ความปรองดอง และการอยู่ร่วมกันของทุกคน และเป็นที่มาของการบูชาเทพเจ้าแห่งเตา คนโบราณจะให้ความสำคัญกับครัว เพราะถ้าอาหารอร่อย ทุกคนก็จะมีจิตที่รื่นรมย์ มีความสุขในการกินอาหาร แล้วก็มีเวลาที่จะฟังอะไรดีๆ หรือประสบการณ์ดีๆ จากผู้ใหญ่

ดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์ ฟู้ดสไตลิสต์ชื่อดัง ผู้เชี่ยวชาญครัวไทยตำรับสยามสมัย มองถึงคำว่า “เสน่ห์ปลายจวัก” น่าจะหมายถึงความสามารถพิเศษทางการปรุงอาหาร ซึ่งผู้หญิงอันถือเป็นเพศที่มีหน้าที่ให้ความสุขแก่เพศชายในอดีตกาล ถือเป็นตัวเสริมเสน่ห์ และแรงดึงดูดให้คนนิยม เอ็นดู นอกเหนือจากเสน่ห์ทางเพศที่มีอยู่แล้ว

“ในสมัยนี้ผู้หญิงก็ยังมีความสำคัญอยู่ แต่กลับกลายเป็นเหมือนความสามารถพิเศษเฉพาะตัวอื่นๆ ทั่วไป เช่น เล่นดนตรีได้ วาดภาพเก่ง เต้นบัลเลต์ได้ ขี่ม้าได้ เป็นต้น ไม่ได้เป็นคุณสมบัติเฉพาะทางของสตรีที่จำเป็นต้องมีเหมือนในอดีตแล้ว

“เพราะโลกปัจจุบันสามารถหาของกินที่เอร็ดอร่อย คุณภาพดีๆ ประณีตบรรจงได้ง่ายมากๆ ไม่ต้องให้เฉพาะเมีย หรือแม่ที่บ้านทำแบบในอดีตอีกต่อไปแล้ว แถมในความเป็นจริงการกินข้าวนอกบ้านของคนบางคนมักเป็นเรื่องสนุก เป็นเรื่องของความสุขมากกว่ากินข้าวในบ้านเสียอีก”

‘เสน่ห์ปลายจวัก’ ในยุคสมัยที่แปรเปลี่ยน ดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์

ดวงฤทธิ์มองต่างมุมออกไป เขาบอกว่าในปัจจุบัน เสน่ห์ปลายจวัก กลายเป็นความสามารถพิเศษในการปรุงอาหารได้อร่อย เป็นที่ชื่นชมของคนใกล้ตัว หรือไว้ประกอบอาชีพที่โดดเด่นกว่าคนอื่นทั่วไปได้

“ในสมัยโบราณไม่มีร้านขายอาหาร ทุกคนจึงต้องจำเป็นที่จะต้องกินข้าวที่บ้าน พ่อบ้านต้องขับรถกลับมากินข้าวกลางวันที่บ้าน แล้วจึงค่อยกลับไปทำงาน ดังนั้นแม่บ้านในอดีตทุกคนจึงมีความจำเป็นต้องมีคุณสมบัตินี้ ทุกวันนี้เรากลับมีความสุขในการขับรถออกไปกินข้าวนอกบ้าน มีอาหารอร่อยๆ ปรุงยากมากมายให้ซื้อกิน หรือสั่งมากินที่บ้านเพียงกระดิกปลายนิ้วมือ รอไม่เกิน 15 นาทีก็มาเกยถึงที่ ไม่ต้องรอคุณย่าคุณยายเคี่ยวน้ำซุปสูตรพิเศษถึงครึ่งค่อนวันอีกต่อไปแล้ว

“แม่บ้านบางคนการซื้ออาหารเจ้าอร่อย หรือจากร้านดีๆ มาให้สามีหรือคนที่บ้านกิน เพียงแค่รู้จักร้านดีๆ รู้จักร้านอร่อย กินอาหารอร่อยเป็น แล้วนำมาจัดการในครอบครัว นับเป็นเสน่ห์ปลายจวักแบบสตรีรุ่นใหม่จริงๆ”

นั่นคือความเลื่อนไหลของยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้ความหมายของเสน่ห์ปลายจวักจริงๆ แปรผันไปตามโลกยุคปัจจุบัน

“เคยมีเพื่อนคนจีนชวนไปกินสุกี้ฝีมือคุณแม่ของเขาปรุงเองที่บ้าน ซึ่งเพื่อนบอกว่าให้เตรียมใจไว้เลยว่าไม่อร่อย เพราะจะสุกจนแข็ง ทุกอย่างจะ Over Cook หมด เพราะที่บ้านกลัวเรื่องของสุขภาพอนามัย แม้แต่ตัวเพื่อนเองก็ไม่กิน เพราะไม่ชอบ ชอบกินสุกี้นอกบ้านมากกว่า

“ดังนั้นเสน่ห์ปลายจวักในโลกปัจจุบัน คือ การรู้จักการกินอาหารให้เป็น รู้จักเลือกร้านอร่อย แล้วอาจจะมาปรับปรุงเสริมความอร่อยเพิ่มขึ้น แล้วจัดเตรียมหรือพาคนในบ้านไปกิน”