สนุกให้สุดทางโจอี้ บอย
บทสนทนาสนุก เพราะคนให้สัมภาษณ์เป็นคนสนุกมอบมุมมองการใช้ชีวิตสนุกๆ
โดย...รอนแรม
บทสนทนาสนุก เพราะคนให้สัมภาษณ์เป็นคนสนุกมอบมุมมองการใช้ชีวิตสนุกๆ จนอยากออกไปทำเรื่องสนุกประเดี๋ยวนั้น โจ้-อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต สร้างแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ 40 ปี เขาทำในสิ่งที่ชอบ คิดว่าสนุกและไปจนสุดทางทั้งเป็นนักกีฬาทีมชาติ ผู้บริหารค่ายเพลง เจ้าของธุรกิจ และจะเป็นเจ้าของนิตยสารท่องเที่ยวแนวใหม่ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้
ตำราชีวิต
ย้อนหาสาเหตุที่ทำให้ชื่อ โจอี้ บอย เป็นที่รู้จักอย่างในวันนี้ คุณโจ้ กล่าวว่า เขาไม่มีตำรา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเริ่มจากจุดง่ายๆ ที่เรียกว่า “ความชอบ”
“ผมไม่ชอบใช้คำว่าความสุข” เขากล่าว “เพราะสำหรับผมมันคือความสนุก พอเราทำอะไรที่มันสนุกก็จะอยากทำ ตั้งใจเรียนรู้มัน มันก็จะเกิดความมั่นใจ พอมั่นใจมันก็จะเริ่มเก่ง!” เขาเน้นคำสุดท้าย “ถ้าเราตั้งใจทำอะไรกับมันใช้เวลากับมัน 2-3 ปี เห็นผลแน่นอน”
คุณโจ้ บอกว่า คนเราค้นหาตัวเองจากโจทย์รอบตัว “คนรอบข้างเขาเป็นอะไร ช่วงนี้อาชีพไหนกำลังดัง” เขากล่าว“แต่มันไม่ใช่ไง ง่ายๆ คือ ลึกที่สุดแล้วเราชอบทำอะไรก็ทำสิ่งนั้น และทำอย่างไม่คาดหวัง เพราะถ้าเราไม่ได้อะไร เราก็ได้ความสนุกจากมัน”
อย่างตัวเขาเอง ความฝันอันดับหนึ่งคือ นักกีฬาทีมชาติ ด้วยเหตุผล “ผมอยากรู้สึกว่าผมได้แบกรับภาระที่คนมาเชียร์เราผมอยากเป็นที่รัก” และอันดับสองคือ นักร้อง ฝันนี้เกิดขึ้นเมื่อเห็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนแสดงบนเวทีแล้วอยากเท่เหมือนเขาบ้างซึ่งคุณโจ้ได้ทำตามฝันทั้งสองอย่าง โดยคนที่
อยู่เบื้องหลังคือ ครอบครัว
“ผมไม่ต้องหนีพ่อแม่ไปทำเลย สิ่งสำคัญแรกๆ ผมว่าคือครอบครัว อย่างผม แม่พาไปเล่นสเกตน้ำแข็ง พาไปเล่นฮอกกี้” คุณโจ้ กล่าว แต่ไม่ว่าอย่างไรเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องเลือกเดิน
สายนักร้อง
เขาใช้คำว่า “ชีวิตผกผัน” จากนักกีฬากลายมาเป็นนักร้อง ทำให้กีฬาทุกอย่างต้องหยุดลง เพราะสิ่งที่เขาเล่นมันเสี่ยงต่อการเจ็บตัว และต้องใช้เวลาซ้อมมาก คุณโจ้ จึงมุ่งไปทางความฝันลำดับ 2
เด็กยุค 90 เติบโตมาพร้อมกับเพลงโจอี้ บอย เขาเป็นนักร้อง เป็นเจ้าพ่อเพลงแร็ปเป็นไอดอลของสาวกฮิปฮอป คุณโจ้เดินบนสายดนตรีจนถึงจุดที่ตัดสินใจลาออกจากการเป็นผู้บริหารค่ายเพลงของแกรมมี่ “มันถึงจุดอิ่มตัว” เขาว่าแบบนั้น “อยากทำอย่างอื่นบ้าง แล้วมานึกขึ้นได้ว่ามันยังมีความฝันที่ยังไม่จบ เราต้องติดทีมชาติให้ได้”
สายกีฬา
คุณโจ้เลือกกีฬาพารามอเตอร์เพราะอยากเล่น เขาใช้เวลาฝึกซ้อม 3 ปี โดยปีแรกได้ทุ่มฝึกซ้อมราว 300 วัน กระทั่งได้ลงแข่งระดับประเทศไทย และคว้าแชมป์ประเทศไทยในปี 2554 จากนั้นได้เข้าร่วมทีมชาติไปโดยปริยาย คุณโจ้รับใช้ชาติในการแข่งขันเอเชียน บีช เกมส์2555 ที่เมืองจีน พาประเทศไทยคว้า 4 เหรียญทองเป็นแชมป์พารามอเตอร์ได้สำเร็จ
“นั่นคือจุดสูงสุดของการเป็นนักกีฬาล่ะ” เขาเดินมาสุดทางอีกครั้ง
คุณโจ้เล่าถึงกีฬาชนิดนี้ว่า มันได้พาเขาไปยังอีกโลกหนึ่งโลกที่มีปีกเป็นของตัวเอง บินไปในทิศทางที่ต้องการ และปราศจากความกลัว “เดือนแรกที่บินรู้สึกกลัว” เขาเท้าความ “ผมเป็นคนกลัวความสูง นั่นก็เป็นอีกเหตุผลที่ผมเลือกกีฬาชนิดนี้เพื่อจะเอาชนะมันให้ได้ ผมค่อยๆ ทำความคุ้นเคยกับมันจนวันหนึ่งอุปกรณ์นั้นกลายเป็นปีกของเรา แล้วเราก็พบว่าสิ่งที่เรากลัวไม่ใช่ความสูง แต่เรากลัวในสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เมื่อควบคุมมันได้แล้ว ความกลัวก็หายไปหมดสิ้น”
เมื่อได้เป็นนักกีฬาทีมชาติไทยตามฝัน เขาก็หยุดแข่งและกลับมาใช้ชีวิตของโจอี้ บอย “การเป็นนักร้องมันกลายเป็นชีวิตไปแล้ว ไม่ใช่อาชีพ นักร้องสำหรับผม นอกจากคนดูจะสนุกแล้ว ผมนี่แหละสนุก” คุณโจ้ กล่าว แต่ก็ยังไม่วายหาสิ่งใหม่ๆ ทำ อย่างตอนนี้เขาบ้าปั่นจักรยาน
สายปั่น
เท้าความไปตอนสมัยเด็กที่บ้านอยู่แถววรจักรดงจักรยาน “ทุกบ้านมีบีเอ็มเอ็กซ์ แต่ผมเป็นคนเดียวที่มีสเกตบอร์ด” เขาตั้งข้อสงสัยมาตลอดว่ายานพาหนะชนิดนี้มันสนุกอย่างไร จึงพิสูจน์โดยการซื้อจักรยานมาปั่นเอง แล้วกลายเป็นว่า เขาพบความสนุก
“นอกจากเรื่องสุขภาพแล้ว มันคงเป็นสิ่งที่เรียกว่า ทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำได้ แล้วมันยิ่งสนุกขึ้นไปอีก เมื่อตรงที่ที่เราเคยขับรถไป ตอนนี้เราปั่นจักรยานไปได้” คุณโจ้เพิ่งลงแข่งจักรยานระยะทาง 70 กม. ทั้งที่ไม่เคยปั่นเกิน 20 กม.เขาเล่าว่า พอถึง 20 กม. แรกรู้สึกท้อแท้มาก คิดว่าจะเลี้ยวรถกลับแล้ว แต่ก็กัดฟันปั่นจนจบ “จบได้ก็ภูมิใจและจะพัฒนาไปปั่น 100 กม. ให้ได้” เขากล่าว
สายแมกกาซีน
ภายในปีนี้คนไทยจะรู้จักกับแมกกาซีนหัวใหม่ชื่อ “แทน แมกกาซีน” นิตยสารท่องเที่ยวมีสไตล์ที่คุณโจ้ปลุกปั้นมากับมือเขาอธิบายว่า แทนก็คือการออกไปตากแดดตากลมให้ผิวสีแทน นำเสนอเนื้อหาท่องเที่ยวโดยเน้นในประเทศไทยบวกความเก๋ไก๋ของแฟชั่น
“ประเทศของเราเป็นประเทศท่องเที่ยว” คุณโจ้ กล่าว “แต่จะเที่ยวแบบไหนให้เก๋ไก๋ เช่น ทุกวันนี้เราไปทะเลทำไมต้องใส่เสื้อฮาวายทั้งที่เราก็มีวัฒนธรรมของตัวเองอยู่แล้ว”
เขาได้แจกแจงคร่าวๆ ว่า แทน แมกกาซีน จะเป็นนิตยสารรายเดือน โดยปกหน้าเป็นเรื่องราวของผู้หญิงประมาณ 70% ส่วนปกหลังจะเป็นผู้ชาย คนขึ้นปกคือคนจริงทั้งด้านการท่องเที่ยวและกิจกรรมกลางแจ้งที่สำคัญคือนำเสนอในมุมมองสนุกสนาน ทำให้คนอ่านรู้สึกว่า เวลาเที่ยวแล้วมันสนุก
นอกจากนี้ ในกระแสปัจจุบันที่หนังสือลดบทบาทลงแต่คุณโจ้กลับมีความเชื่อมั่นในการทำนิตยสารหัวใหม่ นั่นเพราะเขาเชื่อว่า “หนังสือมีความขลัง หนังสือยังเป็นสื่อที่มีการกลั่นกรอง หนังสือยังมีความซื่อสัตย์ต่อคน และเต็มไปด้วยความตั้งใจ” เขาไม่ได้หวังกำไรมากมายจากหนังสือ แต่อยากให้เมืองไทยมีหนังสือแบบนี้มากกว่า นั่นคือเป้าหมาย
สายโจอี้
ธุรกิจใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานคือ แบรนด์แว่นตากันแดดชื่อ DECK ที่ได้ร่วมหุ้นกับเพื่อนผลิตแว่นตากันแดดสายเลือดคนไทยแท้ ด้วยความตั้งใจที่อยากให้คนไทยมีแว่นกันแดดคุณภาพดีใช้ในราคาที่จับต้องได้
แม้จะเป็นเจ้าของธุรกิจแต่เขายังบอกว่า “ไม่ ผมไม่ใช่นักธุรกิจ ผมไม่ได้หวังให้ธุรกิจมันใหญ่โตมโหฬาร แต่ที่ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็ขอให้มันสนุกไว้ก่อน”
ดังนั้น ตัวตนจริงๆ ของโจอี้ บอย คืออะไรกันแน่ นักกีฬา นักร้อง หรือนายทุน?
“ผมอยากให้โจอี้ บอย เป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคน” เขาอธิบายตัวตน “อยากให้น้องๆ ดูว่าพี่ทำได้ น้องก็ต้องทำได้ ผมเป็นนักร้องก็ไม่ใช่นักร้องเสียงดี ผมเป็นพระเอกหนังหน้าตาก็ไม่ดี ตอนผมอายุ 30 กว่าแต่ไปติดทีมชาติได้ เฮ้ย!ถ้าเราตั้งใจ มันทำได้!” ทั้งนี้ คุณโจ้ไม่ต้องการให้เป็นเหมือนเขาแต่ที่เขาต้องการคือ “ดูวิธีของพี่ เราต้องทำได้”
โลกของอภิสิทธิ์
ถ้ามีโลกของตัวเองหนึ่งใบ โลกใบนั้นของคุณโจ้จะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน “ทุกวันนี้คนเราตื่นมาแล้วหัวเราะน้อยมากนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนต้องสร้างสวนสนุก จัดคอนเสิร์ต เพราะมนุษย์ยังโหยหาความสุขประเดี๋ยวประด๋าว ซึ่งเราปฏิเสธไม่ได้”
ก่อนจากคุณโจ้ยังกล่าวไว้ว่า “เมื่อความสุขไม่จีรัง ความสนุกสิครับ” พลันหัวเราะอารมณ์ดีอย่างคนที่กำลังสนุกกับชีวิต