ชวนไปเก็บ ‘สตรอเบอร์รี่สวนหลังบ้าน’
“สตรอเบอร์รี่สวนหลังบ้าน” (Backyard Strawberry) สวนสตรอเบอร์รี่ออร์แกนิกชื่อกิ๊บเก๋ของ บี-วลัยพร ภูมิรัตน์ ตั้งอยู่ที่ ต.แม่คำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย
โดย... ภาดนุ
“สตรอเบอร์รี่สวนหลังบ้าน” (Backyard Strawberry) สวนสตรอเบอร์รี่ออร์แกนิกชื่อกิ๊บเก๋ของ บี-วลัยพร ภูมิรัตน์ ตั้งอยู่ที่ ต.แม่คำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถแวะไปเยี่ยมชม ชิม และถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดียได้อย่างเพลิดเพลิน สวนแห่งนี้มีที่มาอย่างไร ไปฟังจากปากเจ้าของสวนกันเลย
“เดิมทีดิฉันจบการศึกษาเอกการจัดการการท่องเที่ยว จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย และเริ่มต้นทำงานโดยร่วมงานกับองค์กรพัฒนาเอกชนและรับจ้างอิสระอยู่ 5 ปี เพราะเป็นงานที่ตัวเองชอบ แต่เมื่อมาถึงจุดหนึ่งดิฉันก็คิดอยากทำสวนสตรอเบอร์รี่ขึ้นมา เพราะชอบและรู้สึกประทับใจในรูปลักษณ์และรสชาติของมันมาตั้งแต่เด็กๆ เนื่องจากคุณแม่เคยนำต้นสตรอเบอร์รี่มาปลูกที่บ้าน ประกอบกับคุณพ่อมีที่ดินเปล่าที่เหลือจากให้คนอื่นเช่า ด้วยความที่ดิฉันสนใจด้านเกษตรอินทรีย์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เคยลองปลูกผักออร์แกนิกก็ได้ผลดี จึงคิดว่าก็น่าจะปลูกสตรอเบอร์รี่แล้วได้ผลดีเช่นกัน”
บีบอกว่า ช่วงแรกเธอปลูกต้นสตรอเบอร์รี่บนที่ดินแค่ 3 งานเท่านั้น โดยสั่งต้นกล้ามาจากเชียงใหม่ เรียกว่าทั้งปลูกทั้งศึกษาเรื่องสตรอเบอร์รี่ไปในตัว แต่ในระยะแรกที่ปลูกระบบให้น้ำบนแปลงต้นกล้ายังไม่ดี เพราะต้นกล้าต้องการน้ำและความชุ่มชื้นมาก ทำให้สองสัปดาห์แรกหลังปลูก ต้นกล้าจึงตายไปถึง 2,000 กว่าต้น เธอจึงย้ายต้นกล้าที่เหลือมาปลูกในแปลงเดียวกัน ระหว่างนั้นก็ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม รวมทั้งปรึกษาเจ้าของสวนอื่นๆ ถึงวิธีดูแลเป็นอย่างดี กระทั่งต้นสตรอเบอร์รี่เริ่มออกผล
“จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ดิฉันพบว่าการปลูกสตรอเบอร์รี่นั้นไม่มีรูปแบบที่ตายตัว การเติบโตของต้นกล้า การออกผลเร็วหรือช้าจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกันออกไป ดิฉันจึงต้องปรับการปลูกและการดูแลต้นกล้าให้เข้ากับพื้นที่และสภาพอากาศของสวนตัวเอง และยังมีการนำดินไปตรวจคุณภาพด้วยว่าขาดธาตุอาหารชนิดไหน แล้วจึงค่อยเสริมธาตุนั้นลงไปในดินอีกที ที่สำคัญต้องใช้ปุ๋ยเคมีให้น้อยที่สุดและหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทน”
สำหรับปีที่ 1 และปีที่ 2 เธอปลูกสตรอเบอร์รี่เท่ากันคือ 3 งาน แต่พอขึ้นปีที่ 3 เมื่อคุณพ่อบอกว่ายังมีที่ดินเหลืออยู่ เธอจึงเพิ่มการปลูกเป็น 3 ไร่กว่า
“แต่ปีที่ 3 นี่แหละที่ทำให้ดิฉันรู้ว่าไม่ควรปลูกสตรอเบอร์รี่ในพื้นที่หลายไร่ขนาดนั้น เพราะจะดูแลไม่ทันและทำให้ต้นสตรอเบอร์รี่ตายเยอะ อีกอย่างเมื่อมีแมลงมากินต้น ดิฉันก็จะใช้น้ำแช่ใบยาสูบผสมกับสมุนไพรอื่นๆ ฉีดพ่นแทนสารเคมีเพื่อไล่แมลง ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะดูแลได้อย่างทั่วถึง จึงต้องลดขนาดพื้นที่ปลูกลงเหลือแค่ 2 ไร่ เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมทั้งคุณภาพของผลสตรอเบอร์รี่และการบรรจุลงกล่องเพื่อส่งให้กับลูกค้าได้ทันเวลา เพราะสตรอเบอร์รี่สดจะอยู่ได้แค่ไม่กี่วันเท่านั้น
เนื่องจากพื้นที่และสภาพอากาศที่แตกต่างกัน ทำให้สตรอเบอร์รี่ที่สวนของดิฉันเก็บได้ช้ากว่าที่เชียงใหม่ โดยจะเก็บได้ในช่วงปลายเดือน ม.ค. ถึงกลางเดือน เม.ย. พอเก็บเสร็จก็ต้องรีบบรรจุลงกล่องเพื่อส่งให้ลูกค้าได้รับทันที ซึ่งลูกสตรอเบอร์รี่จะมีขนาดตั้งแต่เท่าเหรียญ 10 บาท ไปจนถึงขนาดเท่าแอปเปิลลูกเล็กเลยล่ะ โดยจะขายในราคา 200-300 บาทต่อครึ่งกิโลกรัม”
บีทิ้งท้ายว่า นอกจากขายส่งให้ลูกค้าแล้ว เธอยังเปิดเพจเฟซบุ๊กชื่อ “สตรอเบอร์รี่สวนหลังบ้าน Backyard Strawberry” ตั้งแต่ปีแรกของการปลูกอีกด้วย ที่ผ่านมาก็มีสมาชิกแฟนเพจโทรมาสั่งหลายรายโดยโอนเงินผ่านธนาคาร ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคือคนวัยทำงานที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เธอจึงต้องเก็บสตรอเบอร์รี่ช่วงเช้า แพ็กใส่กล่องช่วงสาย และส่งไปทางรถทัวร์และเครื่องบินในช่วงบ่าย ตอนเย็นๆ สตรอเบอร์รี่ก็จะถูกส่งถึงมือลูกค้าพอดี
สำหรับลูกค้าที่ต้องการจะซื้อสตรอเบอร์รี่ สามารถแจ้งไว้บนเพจเฟซบุ๊ก : สตรอเบอรี่สวนหลังบ้าน Backyard Strawberry ได้เลย