posttoday

วิทนาถ วรรธนะกุล บริหารงานแบบคิดบวก

05 ตุลาคม 2559

ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง แก๊ป-วิทนาถ วรรธนะกุล ทายาทธุรกิจโรงแรม รอยัล คลิฟ พัทยา ที่มีชื่อเสียงมานานกว่า 4 ทศวรรษ

โดย...ภาดนุ ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง แก๊ป-วิทนาถ วรรธนะกุล ทายาทธุรกิจโรงแรม รอยัล คลิฟ พัทยา ที่มีชื่อเสียงมานานกว่า 4 ทศวรรษ วันนี้ได้เข้ามาช่วยครอบครัวบริหารงานอย่างเต็มตัว โดยรั้งตำแหน่ง Executive Director ของรอยัล คลิฟ โฮเต็ลส์ กรุ๊ป เรียกว่าเป็นนักบริหารรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและน่าจับตาเชียวล่ะ

“ผมเรียนจบปริญญาโท 2 ใบจากประเทศอังกฤษ ใบแรกจบสาขาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและนาโนเทคโนโลยี จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Cambridge University) ส่วนปริญญาโทใบที่ 2 จบสาขาวิทยาการจัดการ จากวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน (London School of Economics and Political Science : LSE) ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 ครับ

ตอนเรียนจบใหม่ๆ ผมได้ทำงานทางด้านไฟแนนซ์ที่อังกฤษเพื่อหาประสบการณ์ให้ตัวเองเป็นเวลา 1 ปี จากนั้นก็เดินทางกลับเมืองไทยเพื่อมาช่วยบริหารงานโรงแรมในเครือรอยัล คลิฟ โฮเต็ลส์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวที่ทำมานานกว่า 43 ปี ความจริงตอนที่ยังเรียนอยู่ผมก็มีส่วนช่วยงานคุณแม่ (พงา วรรธนะกุล) บ้าง อย่างเวลาที่ปิดเทอมบินกลับมาเมืองไทย คุณแม่ก็จะให้ไปนั่งฟังการประชุม และยังให้ลองทำงานในทุกแผนกเพื่อจะได้เรียนรู้งานการโรงแรมให้มากที่สุด ถ้าในอนาคตผมต้องมาเป็นผู้บริหารจะได้เข้าใจการทำงานของทีมงานมากยิ่งขึ้น”

แก๊ป บอกว่า ปัจจุบันงานด้านบริหารโรงแรมมีผู้บริหาร 3 คนด้วยกันคือ คุณแม่ พี่ชาย และตัวเขา ซึ่งเขารับหน้าที่ดูแลบริหารงานทีมเซลส์และทีมการตลาดทั้งหมด ดูแลด้านการลงทุน และด้านดีเวลอปเมนต์ โดยพี่ชายดูแลด้านโอเปอเรชั่น เซอร์วิส และมีคุณแม่เป็นผู้บริหารสูงสุด

วิทนาถ วรรธนะกุล บริหารงานแบบคิดบวก

 

“ที่ต้องแบ่งการบริหารงานกัน เพราะคุณแม่จะรู้ว่าบุคลิกลูกทั้งสองคนเป็นแบบไหน อย่างผมจะนิสัยลุยๆ ชอบเดินทาง ชอบความท้าทาย จึงเหมาะกับแผนกเซลส์และการตลาดที่สุด ยอมรับว่าชอบมาก เพราะผมเคยรับตำแหน่ง Sale Manager มาก่อน แต่ปัจจุบันผมก็ช่วยเรื่องการตลาดด้วย ซึ่งในโหมดของการทำงานแล้ว ผมจะเปิดรับไอเดียต่างๆ ในการทำงานจากผู้ร่วมงานทุกคน เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ผมจะมองว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ผมถือว่าปัญหาคือความท้าทายที่จะทำให้เราสามารถพัฒนาทีมและบุคลากรของเราได้ (ยิ้ม) ผมจะมองปัญหาในเชิงบวก เพราะเมื่อแก้ได้แล้วเราก็จะยิ่งเก่งขึ้น

แต่ก่อนผมใจร้อนมาก แต่พอมาเจอปัญหาให้แก้ทุกวัน ก็ทำให้ผมเรียนรู้ที่จะต้องใช้สติและการควบคุมอารมณ์เพื่อที่จะแก้ปัญหาได้ดี เลยทำให้ผมใจเย็นขึ้น รับฟังมากขึ้น แต่แทนที่จะฟังจากลูกค้าฝ่ายเดียวก็จะฟังจากพนักงานด้วย แล้วเราจะเห็นจุดเริ่มต้นของปัญหา จากนั้นค่อยช่วยกันแก้อีกที หลังๆ ด้วยวุฒิภาวะที่มากขึ้น ผมจะนำตัวเองออกจากปัญหา แล้วมาช่วยวิเคราะห์อีกที จากนั้นจะใช้เหตุผลในการแก้ปัญหาแบบช่วยกันคิดเป็นทีม บางครั้งก็มอบหมายให้ผู้ที่เป็นหัวหน้าทีมมีสิทธิตัดสินใจในการแก้ปัญหานั้นๆ ได้เลยเพื่อให้เขาเก่งขึ้น แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ลูกค้าต้องมีความสุข มีความประทับใจทุกครั้งที่เขามาใช้บริการของโรงแรมนะครับ”

แก๊ป บอกว่า ปรัชญาในการทำงานของเขาคือ เปิดรับและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทุกวัน ความคิดนี้เขาจะแชร์ให้ทีมเซลส์และการตลาดที่ดูแลอยู่ได้รับรู้และนำไปปฏิบัติ โดยทีมสามารถที่จะปรับไปตามเทรนด์และเทคโนโลยีได้ สุดท้ายเมื่อประชุมเสร็จก็จะให้ทุกคนแชร์ไอเดียใหม่ๆ ร่วมกัน แล้วนำไอเดียเหล่านั้นมาพัฒนาทันทีหรือค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ อีกข้อคิดที่เขาใช้ก็คือให้ทีมพยายามคิดวิธีป้องกันปัญหาก่อนที่จะเกิด

“ผมคิดว่าการอยู่ในธุรกิจเกี่ยวกับการโรงแรม จำเป็นต้องมีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อจะทำให้โรงแรมที่เราบริหารมีความโดดเด่น มีเสน่ห์ และมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยส่วนตัวผมจะรับฟังทุกไอเดีย แล้วจะนำมากลั่นกรองว่าไอเดียไหนเหมาะสม เวลาที่รับพนักงานเข้ามาทำงานในทีม ก็จะรับผู้ร่วมงานที่มีประสบการณ์ต่างกัน เพราะถ้าแต่ละคนมีความคิดที่แตกต่าง ก็จะยิ่งเห็นมุมมองที่น่าสนใจ ทำให้สามารถแก้ปัญหาได้เร็วและรอบคอบขึ้น

 

วิทนาถ วรรธนะกุล บริหารงานแบบคิดบวก

 

เป็นธรรมดาที่หากเกิดอุปสรรคขึ้น ผู้บริหารจะไม่สามารถลงมาแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้ทั้งหมด ผมจึงให้สิทธิในการตัดสินใจแก่หัวหน้าแต่ละแผนกไปเลยว่า ถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น คุณสามารถแก้ปัญหาไปได้เลย คือเราต้องไว้ใจและมอบขอบเขตในการตัดสินใจให้หัวหน้าแต่ละส่วนจัดการกับปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นได้ แม้ผลที่ออกมาอาจไม่เพอร์เฟกต์ แต่ก็ต้องให้โอกาสเขาทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”

แก๊ป บอกว่า สำหรับแพลนในอนาคตเกี่ยวกับธุรกิจของโรงแรม เมื่อ 4 ปีก่อนได้มีการปรับปรุงครั้งใหญ่ไปครั้งหนึ่งแล้ว โดยเปลี่ยนจาก รอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท มาเป็น รอยัล คลิฟ โฮเต็ลส์ กรุ๊ป เพื่อสื่อให้เห็นว่า ที่นี่มี 4 ตึก 4 โรงแรมในที่เดียวกัน นั่นคือ รอยัล คลิฟ บีช โฮเต็ล, รอยัล คลิฟ บีช เทอร์เรซ, รอยัล คลิฟ แกรนด์ โฮเต็ล และรอยัล วิง สวีท แอนด์ สปา

“ผมพูดได้ว่า 4 โรงแรมของเราจะแตกต่างไปจากโรงแรมอื่นในเมืองไทยและในเอเชีย โดยทั้งสี่โรงแรมนี้เป็นโรงแรม 5 ดาวทั้งหมด ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เพราะเราเข้าใจว่าลูกค้าแต่ละท่านก็มีไลฟ์สไตล์และความชื่นชอบที่ไม่เหมือนกัน เราจึงแบ่งคอนเซ็ปต์ให้เห็นชัดเจน ลูกค้าที่อยากพักโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวบวก ก็แนะนำให้พักที่ รอยัล วิง สวีท แอนด์ สปา ถ้าลูกค้าต้องการมาพักผ่อนกับครอบครัว ก็สามารถมาพักที่ รอยัล คลิฟ บีช โฮเต็ล หรือถ้ามาพักกับคู่รักก็พัก รอยัล คลิฟ บีช เทอร์เรซ เป็นต้น นอกจากทำเลของโรงแรมที่ตั้งอยู่ในเวิ้งหาดที่สวยที่สุดของพัทยาและมีส่วนที่เป็นชายหาดส่วนตัวแล้ว รอยัล คลิฟ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร ทั้งห้องอาหารนานาชาติ 11 ห้อง ฟิตเนสคลับ ศูนย์กิจกรรมสำหรับเด็ก และสปา

ในอนาคตเราก็จะไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาโรงแรมต่อไปแน่นอน โดยล่าสุดเรามีโครงการจะปรับโครงสร้างภายนอกของ รอยัล คลิฟ บีช โฮเต็ล ทั้งหมดเพื่อให้ดูโมเดิร์นขึ้น ทั้งแลนด์สเคป ล็อบบี้ ห้องอาหารเช้า และห้องพัก รวมถึงเพิ่มเบเกอรี่ช็อปเข้ามา ซึ่งเราได้สถาปนิกชื่อดังของเมืองไทยคือ ดวงฤทธิ์ บุนนาค มาช่วยดูแลโปรเจกต์นี้ให้ด้วย คาดว่าน่าจะเสร็จในช่วงปลายปีหน้า”

แก๊ป เสริมว่า นอกจากการปรับปรุงรูปลักษณ์ทั้งหมดของโรงแรมแล้ว ยังมีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีควบคู่กันไปเพื่อช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับแขกที่มาพักด้วย เช่น ทีวีที่อยู่ในห้องพักทุกห้องจะเป็นระบบ IPTV ที่สามารถใช้สั่งอาหาร ใช้อินเทอร์เน็ต คุณภาพของช่องทีวีระดับ HD เมื่อมีกรุ๊ปลูกค้ามาประชุม ก็สามารถส่งข้อมูลที่ต้องการไปยังห้องของสมาชิกแต่ละคนได้เลย

 

วิทนาถ วรรธนะกุล บริหารงานแบบคิดบวก

 

“ด้วยความที่ครอบครัวเราทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรมมาตั้งแต่ต้น ฉะนั้นการขยายธุรกิจหรือการลงทุน ผมคิดว่าเราคงเดินต่อไปในทางที่เราถนัดหรือเกี่ยวข้องกัน นั่นคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งก็น่าจะทำในเมืองพัทยาและกรุงเทพฯ ส่วนการที่เราตั้งใจปรับปรุงโรงแรมทั้งหมดให้สวยงามและทันสมัยมากขึ้นนั้น อีกจุดประสงค์หนึ่งก็คือ เราอยากให้ลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาพักที่นี่ได้ตื่นขึ้นมาแล้วรู้เลยว่า พวกเขากำลังอยู่ที่เมืองไทยนะ ไม่ได้อยู่ที่ประเทศอื่น ซึ่งเราจะผสมผสานความเป็นไทยสอดแทรกลงไปให้กลมกลืนที่สุด

การที่เราเป็นโรงแรมไทยระดับ 5 ดาวในเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยา แน่นอนว่าต้องมีคู่แข่งเยอะ แต่ผมกลับมองโรงแรมอื่นว่าเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจที่จะช่วยผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้าและพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นมากกว่า โดยเราจะหันมาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้มากขึ้นไปอีก ซึ่งเรื่องนี้เป็นการดีต่อลูกค้าด้วยครับ เพราะพวกเขาจะได้ในสิ่งที่ดีที่สุดที่ควรจะได้ในราคาที่น่าพอใจ

อีกอย่างที่ รอยัล คลิฟ เองก็เป็นที่ตั้งของศูนย์ประชุมพีช ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน (ISO) ทั้งด้านการบริหารจัดการ ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และอาหารปลอดภัย พร้อมรับการจัดประชุมทั้งระดับชาติและนานาชาติ ทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกที่สุด เนื่องจากทั้งที่พักและศูนย์ประชุมอยู่ในเขตเดียวกัน ถ้าลูกค้ากรุ๊ปใหญ่ๆ มาประชุมที่โรงแรมเรา หากพวกเขารู้สึกประทับใจก็จะไปบอกต่อกัน ซึ่งผมว่าเป็นการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยไปด้วยในตัว”

เป็นนักบริหารหนุ่มที่ทำงานอย่างจริงจังสัปดาห์ละเกือบ 7 วัน เพราะการทำงานโรงแรมมักจะหาวันหยุดที่แน่นอนตายตัวไม่ได้ โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว แล้วแบบนี้แก๊ปมีวิธีพักผ่อนอย่างไรที่จะเรียกความสดชื่นแจ่มใสเหมือนได้ชาร์จแบตให้ตัวเองกลับมาลุยงานต่อได้อย่างเต็มที่

“อย่างที่ทราบว่าการทำงานโรงแรมต้องเสียสละในช่วงเทศกาลท่องเที่ยว แต่ผมก็แฮปปี้กับการทำงานนะ เคล็ดลับของผมก็คือหาเวลาว่างในแต่ละวันเพื่อนั่งสมาธิวันละ 15 นาที ตอนเย็นผมจะชอบอ่านหนังสือทุกชนิดเลย เช่น หนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเอง เกี่ยวกับการลงทุน และอื่นๆ ยกเว้นหนังสือนิยายที่จะไม่อ่าน (หัวเราะ)

ทุกวันหลังเลิกงานผมจะออกกำลังกายเป็นประจำ โดยตีเทนนิสวันละชั่วโมงครึ่ง ซึ่งก็ตีที่คอร์ตเทนนิสของคลับในโรงแรมนี่แหละครับ แล้วก็จะตีสควอชสัปดาห์ละครั้ง นอกจากนี้ผมยังชอบเข้ายิมเล่นกีฬาต่อยมวยไทยอีกด้วย ถ้ามีช่วงที่พักได้นานจริงๆ ผมจะไปเที่ยวที่อังกฤษซึ่งเปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ของผมอย่างน้อยปีละครั้ง ได้ไปเจอเพื่อนๆ ได้ไปดูบ้านซึ่งอยู่ที่นั่น แล้วก็ได้แวะไปเล่นสกีในยุโรปด้วยเพราะชอบบรรยากาศแบบนั้น ซึ่งเวลาเดินทางผมมักจะได้ไอเดียใหม่ๆ กลับมาใช้ในการพัฒนาธุรกิจด้วยครับ”