ความรักของชายผู้อยากมีร้านขนมปัง
หนังที่คนดูซึ่งเป็นแฟนหนังสือและหนัง “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ต่างรอคอยกันมากถึงมากที่สุด เพราะสร้างจากหนังสือ
โดย...เพรงเทพ
หนังที่คนดูซึ่งเป็นแฟนหนังสือและหนัง “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ต่างรอคอยกันมากถึงมากที่สุด เพราะสร้างจากหนังสือ “Fantastic Beasts and Where to Find Them” ของ เจ.เค.โรว์ลิง โดยมาดัดแปลงและเพิ่มเติมตัวละครเพื่อให้เหมาะสมกับความเป็นหนังฮอลลีวู้ด
ฉากหลังของหนังเรื่องนี้เป็นโลกเวทมนตร์ ช่วงปี 1920 ในฝั่งของมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ก่อนการถือกำเนิดของแฮร์รี่ พอตเตอร์ 70 ปี ว่าด้วยเรื่องราวของ นิวตัน อาร์ทีมีส ไฟโด สคาแมนเดอร์ หรือ นิวต์ สคาแมนเดอร์ นักสัตววิเศษวิทยาแห่งโลกเวทมนตร์ชาวอังกฤษ ที่ได้รับมอบหมายให้เดินทางไปยังนิวยอร์ก เพื่อทำบันทึกเกี่ยวกับสัตว์วิเศษต่างๆ และเขียนเป็นหนังสือ “สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่” ซึ่งใช้เป็นหนังสือเรียนในยุคของแฮร์รี่ในเวลาต่อมา
เดวิด เยทส์ ผู้กำกับการแสดงมือฉมังที่เชี่ยวชาญหนังแนวนี้เป็นพิเศษ จากการกำกับ “Harry Potter” ภาค 5-7.2 รวมแล้ว 5 ภาค จึงทำหนังเรื่องนี้ได้ดีและเข้าใจ แม้ภาคนี้น่าจะเป็นการเปิดเรื่องที่เป็นออร์เดิร์ฟหรืออาหารเรียกน้ำย่อย แต่ก็ถือว่าสนุกมีเสน่ห์เฉพาะตัวของการเล่าเรื่องได้อย่างน่าติดตาม โดยเฉพาะรายละเอียดของตัวละครปลีกย่อยที่กอปรรวมเข้ามาให้เนื้อหาเดินไปอย่างไม่หมกมุ่นกับตัวเอกจนเกินไป
การจับอารมณ์และบรรยากาศของมหานครนิวยอร์กในปี 1926 ได้อย่างอยู่หมัด ท่ามกลางความหม่นมัวของอากาศและการเดินเรื่องที่พาเข้าไปสู่โลกเวทมนตร์ใต้ดินของเหล่าพ่อมดแม่มด ซึ่งมีสภาเวทมนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (Magical Congress of the United States of America-MACUSA) คอยกำกับดูแลและควบคุมความเป็นไปของสมาชิกทั้งหมด รวมถึงคอยกีดกันพวกโน-แมจ หรือมักเกิ้ล ซึ่งคือมนุษย์ล่วงรู้ความลับและเข้ามาก่อกวน
การมาถึงของนิวต์ สคาแมนเดอร์ (เอ็ดดี เรดเมย์น) กับการหลุดออกมาของสัตว์ร้ายที่ทำร้ายคนและโจมตีมหานครนิวยอร์ก ทำให้เรื่องดำเนินไปอย่างเข้มข้นน่าติดตาม โดยผ่านตัวละครสมทบอีก 3 ตัว เป็นสองคู่ชู้ชื่น คือ ทิน่า (แคเธอรีน วอเตอร์สตัน) ควีนนี่ (อลิสัน ซูดอล) และ เจค็อบ (แดน ฟ็อกเลอร์) โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของเจค็อบ ซึ่งเป็นโน-แมจ ที่มีความฝันจะเปิดร้านขนมปังตามอุดมการณ์ของคุณยาย ที่หลุดเข้าไปสู่วังวนของโลกพ่อมดแม่มดอย่างไม่ตั้งใจ เขากับควีนนี่ดันสานสัมพันธ์รักอย่างใส่ใจซึ่งกัน สาวสวยเซ็กซี่กับหนุ่มอ้วนเตี้ยไม่มีอะไรน่ามอง กลายเป็นจุดดึงดูดมากกว่าตัวเรื่องที่ดำเนินไปอยู่ไม่น้อย
แน่นอนตามท้องเรื่องก็มีการปูพื้นถึงความขัดแย้งระหว่างโลกใต้ดินของพ่อมดแม่มดกับโลกบนดินของมนุษย์ มีเรื่องของการเมืองแทรกเข้ามากำหนดชะตาชีวิตของผู้ที่อยู่ร่วมกันทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวที่เด็กๆ ถูกกระทำและอยู่ในสังคมอย่างแปลกแยกและโดดเดี่ยว ประดุจสัตว์บาดเจ็บที่อาฆาตและต้องการแก้แค้น ซึ่งตัวหนังก็เล่าเรื่องและปูเรื่องปะติดปะต่อเรื่องราวได้อย่างน่าสนใจและลงตัว มีจังหวะจะโคนในการเล่าเรื่องผ่อนหนักผ่อนเบาอย่างเก่งกาจเพื่อให้คนติดตาม รวมถึงตอนจบที่มีช่วงสูงสุดของอารมณ์ตามสูตร
ที่สำคัญคือความชาญฉลาดในการโยนท้ายเรื่องของหนังเป็นคำถามเพื่อเร้าความสนใจของผู้ชมให้ใจจดใจจ่อรอคอยภาคต่อไป โดยเฉพาะตัวละครที่นำแสดงโดย โคลิน ฟาร์เรล กับบทเพอร์ซิวัล เกรฟส์ หัวหน้ามือปราบมารแห่งสภาพ่อมดแม่มดนิวยอร์ก ซึ่งมีความขัดแย้งกับประธานสภา โดยที่เขาต้องการล้มล้างเพื่อยึดอำนาจและผลักดันให้พ่อมดแม่มดไม่ต้องยอมหรือหลบซ่อนพวกมนุษย์ แต่สุดท้ายก็ถูกจับตัวและกลายร่างเป็นอีกคน ซึ่งรับบทโดย จอห์นนี่ เดปป์ โผล่มาเพียงฉากเดียวทิ้งไว้
ทำให้คาดหมายได้ว่า ภาคต่อมาหรือภาค 2 ต้องเข้มข้นลึกล้ำและสนุกอย่างมากมาย รวมถึงตัวแย่งซีนคือคู่ของควีนนี่กับเจค็อบ ที่เปิดร้านขนมปังสำเร็จ และไม่สามารถจำคู่รักตัวเองได้ จากการถูกลบความทรงจำ ก็เป็นเสน่ห์ที่ทำให้น่าติดตามความรักของคู่นี้มากขึ้น เพราะไม่สามารถเดาทางได้เลยว่าจะเป็นอย่างไรต่อ ผิดจากคู่พระนางที่เป็นไปตามสเต็ปของความสัมพันธ์ที่สานต่อไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว
เอาเป็นว่า หนังในส่วนที่สดและน่าประทับใจสุดๆ ในภาคนี้ก็คือ เรื่องราวความรักของชายผู้อยากเปิดร้านขนมปัง
สำหรับภาคต่อไป วอร์เนอร์บราเธอร์สประกาศว่าหนังเรื่องนี้จะมีภาคต่ออย่างน้อย 2 ภาค โดยภาคที่ 2 และ 3 มีกำหนดฉาย 16 พ.ย. 2018 และ 20 พ.ย. 2020 ตามลำดับ เรียกว่าต้องรอ 2 ปี จึงจะได้ดูภาคต่อมา แต่ เจ.เค.โรว์ลิง บอกว่าหนังชุดนี้จะมีด้วยกันทั้งหมด 5 ภาค ก็คงได้ติดตามกันยาวไม่ต่ำกว่า 10 ปีแน่นอน