50 ปี ‘Sgt. Pepper’ งานนี้ต้องฉลอง
เมื่ออัลบั้ม “Sgt. Pepper” กำลังจะมีอายุครบ 50 ปี ทางเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นพื้นเพเดิมของ “เดอะ บีเทิลส์”
โดย...เพ็ญแข สร้อยทอง
เมื่ออัลบั้ม “Sgt. Pepper” กำลังจะมีอายุครบ 50 ปี ทางเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นพื้นเพเดิมของ “เดอะ บีเทิลส์” จึงวางแผนการใหญ่จัดงานเฉลิมฉลองใหญ่โต ระหว่างเดือน พ.ค.-มิ.ย.ที่จะถึง
เดอะ บีเทิลส์ หรือ 4 เต่าทอง คือ จอห์น เลนนอน, พอล แม็คคาร์ทนีย์, ริงโก สตาร์ และจอร์จ แฮร์ริสัน เป็น “โลคัล ฮีโร่” ของลิเวอร์พูล ทุกวันนี้พวกเขายังคงเป็นเหตุผลซึ่งดึงดูดผู้คนทั่วโลกให้เดินทางมาท่องเที่ยวก่อเกิดเป็นรายได้มากกว่า 3,000 ล้านบาท/ปี
สำหรับอัลบั้ม Sgt. Pepper หรือชื่อเต็มๆ ว่า Sgt. Pepper’s Lonely Hearts Club Band ออกเผยแพร่ครั้งแรกในปี 1967 ก่อนจะได้รับจำกัดความว่าเป็น “อัลบั้มน่าทึ่งที่สุดเท่าที่เคยทำออกมา” งานนี้ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวในแวดวงดนตรี กำหนดทิศทางใหม่ของเพลงป๊อปปูลาร์ ทั้งในเรื่องการแสดงเพื่อบันทึกเสียงในห้องอัด รวมถึงกลิ่นอายดนตรีหลากหลายจากทั่วโลกที่นำมาสร้างสีสัน เป็นงานซึ่งสร้างความแปลกใจและแปลกใหม่ Sgt. Pepper นับเป็นหนึ่งในงานสำคัญของ เดอะ บีเทิลส์
Sgt. Pepper เป็นสตูดิโออัลบั้มอันดับที่ 8 ของเดอะ บีเทิลส์ หลังจากออกวางจำหน่ายงานนี้ขึ้นไปติดอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงอังกฤษนานถึง 27 สัปดาห์ จุดเริ่มต้นมาจากไอเดียของ พอล แม็คคาร์ทนีย์ ที่เกิดขึ้นระหว่างนั่งเครื่องจากเคนยากลับมาลอนดอน เขาอยากจะเขียนเพลงเกี่ยวกับวงดนตรีทหารสมัยเอ็ดเวิร์ด (Edwardian Era) วงบันทึกเสียงเพลงชุดนี้ที่ห้องอัดแอ็บบีย์ โรด อันโด่งดัง โดย 2 เพลงแรกที่แต่งเพื่ออัลบั้มนี้ คือ Strawberry Fields Forever และ Penny Lane ซึ่งออกจำหน่ายเป็น Double A-Side (ซิงเกิ้ลที่มีเพลงหลัก 2 เพลง) เมื่อเดือน ก.พ. 1967 แต่ก็ขึ้นไปไม่ถึงอันดับ 1 ในยูเคชาร์ต ทำให้ ไบรอัน เอ็ปสไตน์ ผู้จัดการวงยืนยันที่จะไม่นำ 2 เพลงนี้ไปรวมในแอลพี Sgt. Pepper ที่จะตามออกมา
ในช่วงบันทึกเสียงเพลงอัลบั้มนี้ สี่เต่าทอง ตัดสินใจที่จะทำงานชุดนี้ในฐานะของศิลปินอื่น ไม่ใช่ เดอะ บีเทิลส์! ทำให้วงได้ทดลองกับซาวด์อย่างเต็มที่ พวกเขาใช้เวลาทำงานนานถึง 5 เดือน กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 21 เม.ย. 1967 เดอะ บีเทิลส์ ลงทุนกับ Sgt. Pepper มากถึง 2.5 หมื่นปอนด์ ขณะที่พวกเขาทำอัลบั้มแรก Please Please Me โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 400 ปอนด์เท่านั้น
เดอะ บีเทิลส์ ให้ความสำคัญกับปกอัลบั้มนี้มาก โดยมี เซอร์ปีเตอร์ เบลค (คนออกแบบปก Do They Know It’s Christmas ของ แบนด์ เอด 30 และโปสเตอร์งาน ไลฟ์เอด) และเจน เฮเวิร์ธ (ต่อมาแต่งงานกับ ปีเตอร์ เบลค) ร่วมกันออกแบบบนปกสมาชิกวงแต่งกายในชุดเครื่องแบบวงเครื่องเป่า พวกเขาไว้หนวดหนาซึ่งเป็นแฟชั่นที่ จอร์จ แฮร์ริสัน นำติดตัวมาจากอินเดีย นอกจากนี้ยังมีภาพหุ่นขี้ผึ้งของวงรายรอบด้วย (รูป) คนดังมากมาย รวมถึง มาริลีน มอนโร, คาร์ล มาร์ก, เอ็ดการ์ อัลลัน โป, อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, ลอว์เรนซ์ ออฟ อาราเบีย, เชอร์ลีย์ เท็มเพิล, เม เวสต์ ฯลฯ (แต่กลับไม่มี เอลวิส เพรสลีย์) ตอนนั้น จอห์น เลนนอน ขอให้นำ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และ พระเยซู มาขึ้นปกด้วย แต่คำขอของเขาก็ถูกปฏิเสธ นี่นับเป็นอีพีแรกที่ตีพิมพ์เนื้อเพลงครบทุกเพลง ผลของการทุ่มเททำให้ปกอัลบั้มใช้งบถึง 3,000 ปอนด์ ขณะที่ปกอัลบั้มอื่นๆ มีค่าใช้จ่ายราว 50 ปอนด์เท่านั้น แต่ก็น่าชื่นใจที่ปกนี้ชนะรางวัลแกรมมี่ Best Album Cover, Graphic Arts ในปี 1968
อัลบั้มมีทั้งหมด 13 แทร็ก ทุกเพลงแต่งโดย จอห์น เลนนอน และพอล แม็คคาร์ทนีย์ ยกเว้น Within You Without You โดย จอร์จ แฮร์ริสัน นี่เป็นครั้งแรกที่งานเวอร์ชั่นสำหรับวางขายในอังกฤษและอเมริกาของ เดอะ บีเทิลส์ มีเพลงเหมือนกัน
โปรดิวเซอร์ของ เดอะ บีเทิลส์ คือ จอร์จ มาร์ติน บอกว่า หนึ่งในอิทธิพลที่ทำให้เกิด Sgt. Pepper คือ อัลบั้ม Pet Sounds ของ เดอะ บีช บอยส์ ในการทำงานชุดนี้ตัว จอร์จ มาร์ติน เองได้แสดงความสามารถทางด้านดนตรีของเขาในอัลบั้มนี้ โดยการเล่นฮาฟสิคอร์ด ฮาร์โมเนียม (พัมพ์ ออร์แกน) และเปียเน็ต
ถึงแม้จะมีบางกระแสบอกว่า งานชุดนี้สร้างขึ้นโดยมี “ยาเสพติด” มาเกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน ถึงอย่างไรก็ตาม หลายเพลงในอัลบั้มนี้ก็ถูกแบนจากสถานีวิทยุบีบีซี รวมถึง A Day In The Life ซึ่งมีเนื้อท่อนหนึ่งว่า I’d love to turn you on รวมทั้ง Being For The Benefit of Mr Kite ซึ่งในเนื้อมีสแลง 2 คำ ที่มีความหมายว่า เฮโรอีน ส่วนเพลง Lucy in the Sky With Diamonds ก็โดนแบน เพราะเชื่อว่าชื่อเพลงนั้นเกี่ยวกับแอลเอสดี แต่ จอห์น เลนนอน ก็ปฏิเสธ และบอกว่า เขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพวาดของ จูเลียน ลูกชายของเขาซึ่งอายุ 4 ขวบ ในตอนนั้น
หนึ่งเพลงในอัลบั้มชื่อว่า Fixing A Hole ว่ากันว่าได้แรงบันดาลใจจาก พอล แม็คคาร์ทนีย์ ซึ่งช่วงนั้นกำลังซ่อมบ้านไร่ของเขาที่สกอตแลนด์อยู่ เพลง She’s Leaving Home เชื่อว่ามาจากบทความในเดลีเมล เกี่ยวกับวัยรุ่นที่หนีออกจากบ้าน ส่วน Good Morning Good Morning ได้แรงบันดาลใจมาจากโฆษณาคอนเฟลคส์ ยี่ห้อเคลล็อกก์ส
Sgt. Pepper ออกขายในวันที่ 1 มิ.ย. 1967 สัปดาห์แรกทำยอดได้ 2.5 แสนชุด และ 2.5 ล้านชุดทั่วโลกใน 3 เดือน โดยที่ไม่มีเพลงไหนตัดออกมาเป็นซิงเกิ้ล ปัจจุบันนับเป็นอันดับ 3 ของอัลบั้มขายดีที่สุดตลอดกาลในอังกฤษ ทั้งยังเป็นอัลบั้มในทศวรรษ 1960 ที่ขายดีที่สุดระดับเวิร์ลไวด์ ถึงตอนนี้ขายไปแล้วมากกว่า 32 ล้านชุด
ความโดดเด่นของอัลบั้มนี้ทำให้นิตยสาร โรลลิงสโตน เลือกเป็นอันดับ 1 ของ 500 อัลบั้ม ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ขณะที่ก็มีฝ่ายค้านอย่าง เมโลดี้เมเกอร์ ผ่านการโหวตของนักข่าว ศิลปิน และดีเจ ให้ Sgt. Pepper เป็นอัลบั้มที่แย่ที่สุดซึ่งเคยสร้างมา!
เนื่องในวาระที่ Sgt. Pepper กำลังจะมีอายุครบ 50 ปี งานเฉลิมฉลองครั้งสำคัญที่จะจัดขึ้นนี้ ผู้จัดแถลงว่า ไม่ได้ต้องการให้มีเพียงแค่คอนเสิร์ตบนท่าเรือเท่านั้น แต่ยังมีศิลปะและการแสดงอื่นๆ ร่วมด้วย งานนี้จะมีศิลปิน 13 คน นำเพลงทั้ง 13 แทร็กจากอัลบั้ม มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ แน่นอนว่าอีก 2 เดือนข้างหน้า นักท่องเที่ยว แฟนเพลง รวมทั้งสื่อจากทั่วโลกจะมุ่งหน้าไปลิเวอร์พูล เพื่อ เดอะ บีเทิลส์ และ Sgt. Pepper’s Lonely Hearts Club Band