นักวิ่งแฟนซี สีสัน-กำลังใจ ในการวิ่ง
กีฬาที่กำลังได้รับความนิยมของผู้คนในยุคนี้ก็คือ "การวิ่ง" ซึ่งมีทั้งวิ่งมาราธอน มินิมาราธอน วิ่งเทรล หรือไตรกีฬา
เรื่อง ภาดนุ
กีฬาที่กำลังได้รับความนิยมของผู้คนในยุคนี้ก็คือ "การวิ่ง" ซึ่งมีทั้งวิ่งมาราธอน มินิมาราธอน วิ่งเทรล หรือไตรกีฬา จะเห็นว่าในปีนี้มีการจัดแข่งขันวิ่งประเภทต่างๆ อยู่เป็นระยะ และในจำนวนนักวิ่งเหล่านี้ก็มี "นักวิ่งแฟนซี" ที่มาร่วมลงแข่งให้เห็นมากมาย ถือเป็นการสร้างสีสันและกำลังใจให้กับบรรดาคนรักการวิ่งได้อย่างดี
วรวิมล ปทุมมาลย์ลักขณา หรือตุ่น นักวิ่งแฟนซีและนักไตรกีฬาหญิงสุดเปรี้ยววัย 48 เจ้าของธุรกิจจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์ เป็นหนึ่งในนักวิ่งแฟนซีที่เคยเข้าร่วมแข่งขันวิ่งในสถานที่ต่างๆ มาแล้ว กว่า 114 งาน
"จากจุดเริ่มต้นที่ดิฉันป่วยเป็นมะเร็งมดลูก เมื่อรักษาตัวหายแล้ว ดิฉันจึงเริ่มออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน แต่สนามปั่นจักรยานส่วนใหญ่มักอยู่ไกลจากบ้าน ดิฉันจึงหันมาหาการวิ่ง ซึ่งสามารถทำได้ทุกวันในพื้นที่ใกล้บ้าน แล้วจึงพัฒนาไปสู่การว่ายน้ำตามมา เพราะเชื่อว่าเราทุกคนสามารถฝึกฝนตัวเองได้ ถ้าตั้งใจจริง
ยิ่งได้มาเจอเพื่อนๆ ชวนไปวิ่งไตรกีฬา ดิฉันก็ปิ๊งไอเดียในการลงแข่งพร้อมทั้งแต่งตัวแฟนซีไปด้วย เพราะเป็นสิ่งที่ตัวเองชอบ แถมยังช่วยปลดปล่อยความเครียดไปในตัวด้วย ยกตัวอย่างงานไตรกีฬาที่เคยลงแข่งจะเริ่มจากว่ายน้ำ 750 เมตร ดิฉันก็แต่งชุดเจ้าสาวสีชมพูลงว่ายน้ำเป็นอย่างแรก พอขึ้นจากน้ำก็เปลี่ยนเป็นชุดเต่าทอง เพื่อปั่นจักรยานอีก 22 กิโลเมตร สุดท้ายจึงเปลี่ยนเป็นชุดแฟนซีหนอนสีรุ้งเพื่อวิ่งอีก 5 กิโลเมตร ซึ่งดิฉันคิดว่าเป็นการสร้างสีสันให้กับกิจกรรมนั้นเป็นอย่างมาก แม้จะต้องเสียเวลาเปลี่ยนชุดในแต่ละช่วงก็ตาม แต่ก็เปลี่ยนได้ทัน"
ตุ่น เล่าว่า ตอนที่เธอลงแข่งวิ่งไตรกีฬา 3 สนามแรก เธอก็แต่งตัวเหมือนนักวิ่งคนอื่นๆ แต่เมื่อได้ไปดูรายการที่มีนักวิ่งแฟนซีที่หลายคนรู้จัก เช่น พี่เนเน่ พี่นัดดา และพี่เข็มทอง มาออก เธอจึงได้แรงบันดาลใจในการแต่งแฟนซี เพื่อลงแข่งวิ่งในสนามต่างๆ บ้าง ตอนแรกก็คิดแค่สนุกๆ และถ่ายรูปสวยๆ
"พอแต่งแฟนซีไปนานๆ ก็เริ่มสนุกกับการแต่งตัว แม้ชุดบางชุดอาจจะมีพร็อพที่มีน้ำหนักอยู่บ้าง แต่ก็ยังรู้สึกสนุกอยู่ดี การหาชุดแฟนซีช่วงแรกๆ นั้นดิฉันจะไปหาซื้อตามตลาดประตูน้ำและสำเพ็ง พอนานวันเข้าก็รู้สึกว่าชุดที่ไปซื้อมันไม่ตรงกับธีมงานที่เราไปสักเท่าไร แถมไซส์ก็เล็กไปหรือใหญ่ไปบ้าง และถ้าเช่าแล้วเราก็ต้องเสียค่าเช่า 2,500-3,000 บาท ไปฟรีๆ
ดิฉันจึงคิดออกแบบและตัดชุดเอง อาทิ ชุดธิดาบ้านแพ้ว (สาวชาวสวน) ซึ่งตรงกับธีมในการวิ่ง ดิฉันก็ประดิษฐ์หมวกสีเขียวที่ประดับด้วยดอกไม้และผลไม้ขึ้นมาเพื่อใส่คู่กับชุด หรือตอนที่ไปวิ่งในงานโอท็อปที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง จ.นครปฐม จัดขึ้น ก็จะมีหมวกที่ใช้ไข่ไก่พลาสติกติดไว้ด้านบน หรืออย่างงานวิ่งของสมาคมชาวจีน ดิฉันก็แต่งเป็นชุดเชิดสิงโตที่มีหัวสิงโตเป็นพร็อพ ด้วย เป็นต้น
หลังจากแต่งชุดแฟนซีลงแข่งหลายงานก็เริ่มมีช่างภาพถ่ายรูปมากขึ้น จนมีคนเริ่มรู้จักดิฉันมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่เริ่มลงวิ่งในรายการต่างๆ มาจนถึงปัจจุบันนี้ก็เกือบ 2 ปีแล้วค่ะ ตอนนี้มีชุดวิ่งแฟนซีทั้งหมด 130-140 ชุดได้ เคยมีคนมาเชียร์ให้เปิดร้านเช่า หรืออยากขอยืมชุดด้วยนะ ดิฉันจึงอยากบอกกับเพื่อนๆ ว่า ชุดแฟนซีที่เราใส่วิ่งในงานหนึ่งมาแล้ว พอกลับมาเราก็จะดัดแปลงแก้ไข เพื่อให้เป็นชุดใหม่สำหรับงานต่อไป ไม่ใช่ว่าหวงนะคะ"
ตุ่น ทิ้งท้ายว่า การที่เธอแต่งตัวเป็นนักวิ่งแฟนซีนั้น จุดประสงค์หลักนอกจากสร้างสีสันให้กับงานวิ่งแล้ว เธอยังมีหลักประจำใจอีก 5 ส. นั่นคือ 1.ความสนุกสนาน 2.ความสุข 3.ความสร้างสรรค์ (เรื่องชุด) 4.สหายมากมาย 5.สุขภาพดี และ 6.สวยขึ้นด้วย ...ติดตามที่ FB : เจ้าแม่คลังแบต
ด้าน ฉัตรชัย ศิริแสงตระกูล นักวิ่งแฟนซีชายวัย 49 ปี ชาว จ.ขอนแก่น ทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับขายรองเท้า เล่าว่า เขาเริ่มออกกำลังกายด้วยการวิ่งมาตั้งแต่ปี 2539 เนื่องจากพออายุมากขึ้นก็เริ่มมีปัญหาสุขภาพ แต่ในที่สุดก็พัฒนาจนมาเป็นนักวิ่งแฟนซีได้
"จำได้ว่าผมลงแข่งวิ่งครั้งแรกเป็นการแข่งวิ่งมินิมาราธอน 11 กิโลเมตร ซึ่งจัดขึ้นที่ จ.ขอนแก่น ก่อนหน้านั้นผมก็ว่ายน้ำและวิ่งเป็นประจำเพื่อสุขภาพอยู่แล้ว จุดมุ่งหมายในการลงแข่งวิ่งของผมก็คือการชนะตัวเอง ผมจึงไม่จับเวลา แต่เมื่อลงวิ่งแล้วต้องเข้าเส้นชัยทุกงาน งานส่วนใหญ่ที่ผมร่วมวิ่งมักจะจัดขึ้นที่ขอนแก่นหรือพื้นที่ใกล้เคียง
แรงบันดาลใจที่ทำให้ผมหันมาลงวิ่งแข่งแฟนซี นอกจากเหรียญรางวัลที่ได้รับเมื่อเข้าเส้นชัยแล้ว ยังมาจากพี่ๆ เพื่อนๆ ที่แต่งตัวแฟนซีมาวิ่งในงาน อย่างพี่คนหนึ่งก็แต่งตัวแนวโปงลางสะออน อีกคนก็แต่งตัวด้วยผมทรงโมฮอร์กแล้วใส่เสื้อผ้าที่มีสีสัน เป็นต้น ด้วยความที่เป็นคนสนุกสนานอยู่แล้ว ก็เลยทำให้ผมอยากแต่งแฟนซีแล้วลงวิ่งบ้าง"
ฉัตรชัย บอกว่า งานแรกที่เขาแต่งแฟนซีจะเป็นชุดแรมโบ้แนวทหาร มีธงชาติและปืนเด็กเล่นเป็นพร็อพ ต่อมาจึงคิดว่าการแต่งแฟนซีในแต่ละชุดนั้น ควรจะมีคอนเซ็ปต์ในการแต่งด้วย เขาจึงเริ่มนำลังกระดาษใส่ของมาตัดและประดิษฐ์เป็นเลื่อยยนต์โดยติดสติ๊กเกอร์ แล้วทำรถลากจากไม้อัดใส่ล้อลากไปด้วยตอนวิ่ง พร้อมใส่ชุดคล้ายๆ นักโทษเพื่อสื่อให้เห็นโทษของการตัดต้นไม้ทำลายป่า หรือแต่งเป็นชุดแฟนซีอื่นๆ
"มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมใส่เสื้อเหลืองแล้วถือธงชาติ พร้อมกับพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตอนที่พระองค์ท่านยังไม่สวรรคต โดยตั้งชื่อโครงการว่า 'วิ่งตามรอยบาทองค์พระราชา' ซึ่งพอทำแล้วก็รู้สึกอบอุ่นใจ รู้สึกปลาบปลื้มใจมากๆ ณ เวลานั้น" ฉัตรชัย เสริมว่า หลังจากในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต เขาจึงได้เปลี่ยนชื่อโครงการว่า "วิ่งทั่วไทยตามรอยบาทองค์พระราชา" โดยล่าสุดเขาไปวิ่งมาแล้ว 10 จังหวัด อาทิ จ.ภูเก็ต บุรีรัมย์ เพชรบูรณ์ นครราชสีมา อุดรธานี ฯลฯ ซึ่งถ้างานไหนมีธีมของงาน เขาก็จะแต่งตัวให้เข้ากับธีมของงานด้วย
อย่างตอนไปวิ่งที่อุดรธานี ผมก็ใส่ชุดลูกเสือสำรอง แล้วประดิษฐ์รถเป็ดลากสีเหลืองที่มีล้อขึ้นมา เวลาวิ่งก็ลากไปด้วย ซึ่งเป็ดตัวนี้สื่อความหมายถึงชาวอุดร พร้อมกับเขียนตัวอักษรว่า "ก๊าบ ก๊าบ น้อย รักในหลวง" ติดไว้ด้วย และจะถือพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปด้วยทุกครั้ง อย่างล่าสุดผมประดิษฐ์ขอนไม้ขอนแก่นขึ้นจากแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดแล้วใส่ล้อลากไปวิ่งในงานที่ขอนแก่นจัดมาด้วย
งานวิ่งส่วนใหญ่ที่ผมลงแข่งจะเป็น มินิมาราธอน ฮาล์ฟมาราธอน โดยผมมีเป้าหมายสูงสุดคือ การประกาศความจงรักภักดีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้ครบทั้ง 77 จังหวัดทั่วไทย ตอนนี้ก็เก็บไปได้ 10 จังหวัดแล้ว คาดว่าถ้าไม่ติดงานหรือธุระอะไรก็น่าจะวิ่งได้ครบภายใน 2 ปี
การที่ผมได้ทำสิ่งเหล่านี้ ผมถือว่าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ ตอนที่พระองค์ท่านยังไม่สวรรคต ถ้ามีคนมาขอถ่ายรูปผมขณะที่วิ่งผ่านไป ผมจะให้พวกเขาถือพระบรมฉายาลักษณ์ฯ แล้วถ่ายรูปเก็บไว้ เพราะผมรู้ว่าทุกคนรักและเทิดทูนพระองค์ท่าน และเมื่อผมวิ่งผ่านสี่แยกไฟแดงหรือเข้าเส้นชัย ผมก็จะชวนเพื่อนนักวิ่งกล่าวคำว่า "ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป" ด้วย
ผมสำนึกเสมอมาว่า ถ้วยรางวัลจากการแต่งตัววิ่งแฟนซีที่ได้มา เป็นเพราะบารมีของพระองค์ท่าน ในอนาคตผมตั้งใจไว้ว่า ถ้าวิ่งครบทุกจังหวัดโดยมีกรุงเทพฯ เป็นที่สุดท้าย ผมจะนำถ้วยรางวัลที่ได้มา พร้อมชวนเพื่อนๆ นักวิ่งแฟนซีจัดงานประมูลถ้วยรางวัลเหล่านี้เพื่อนำเงินที่ได้ไปซื้อเครื่องมือแพทย์ และร่วมสมทบทุนสร้างโรงพยาบาลที่ขอนแก่นต่อไป"...ติดตามที่ FB : ฉัตรชัย ศิริแสงตระกูล n