‘แบงค์ ศุภณัฏฐ์’ บุรีรัมย์การันตีว่าที่แข้งเก่งสุดเมืองไทย
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สร้างความฮือฮาด้วยการส่ง “เจ้าแบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตาดาวรุ่งวัยเพียง 15 ปี
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สร้างความฮือฮาด้วยการส่ง “เจ้าแบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตาดาวรุ่งวัยเพียง 15 ปี ลงสนามจนกลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดบนเวทีลูกหนังไทย แน่นอนว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้นั้นต้องมีหลายปัจจัยที่สำคัญกว่าเรื่องฝีเท้า ซึ่ง เนวิน ชิดชอบ นายใหญ่ปราสาทสายฟ้า การันตีว่าเจ้าตัวจะก้าวขึ้นเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกที่ดีที่สุดของเมืองไทยในอีก 3 ปีข้างหน้า
ศุภณัฏฐ์คือใคร?
เด็กหนุ่มจากศรีสะเกษ ผู้หอบสตั๊ดจากบ้านเกิดหลังจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เพื่อเดินทางมาคัดตัวที่โรงเรียนภัทรบพิตร จ.บุรีรัมย์ จนได้เข้ามาอยู่ในรั้วบุรีรัมย์ อะคาเดมี และใช้เวลาบ่มเพาะฝีเท้าอยู่กว่า 2 ปี พร้อมลงเล่นให้กับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชุดบี ในศึกไทยลีก 4 ก่อนจะได้รับความไว้วางใจจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บรรจุชื่อเป็นขุนพลสู้ศึกไทยลีก ในเลกสองของฤดูกาล 2017 แม้ว่าจะไม่ได้ลงสัมผัสเกมแต่ก็ได้รับประสบการณ์ไปเต็มๆ
กระทั่งในศึกไทยลีก 2018 นัดที่ 12 เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ความฝันของเจ้าตัวก็เป็นจริง เมื่อ โบซิดาร์ บันโดวิช กุนซือปราสาทสายฟ้า ตัดสินใจส่ง “เจ้าแบงค์” ลงสนามเป็นตัวสำรองในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ พร้อมทำให้ดาวเตะวัย 15 ปี 8 เดือน 22 วัน กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงสนามในประวัติศาสตร์ไทยลีก ทำลายสถิติเดิมของ เอกนิษฐ์ ปัญญา ของเชียงราย ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาล 2015 (15 ปี 11 เดือน 5 วัน) โดยเกมนี้บุรีรัมย์ยังเป็นฝ่ายเปิดบ้านเฉือนชนะ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 2-1
“ผมรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากที่ได้รับโอกาสลงสนามในเกมนี้ ต้องขอขอบคุณสโมสร สตาฟฟ์โค้ช รวมถึงทุกคนที่ทำให้ผมได้รับโอกาส วินาทีแรกที่ผมลงไปในสนามผมก็รู้สึกขาสั่น เพราะก่อนหน้านี้ผมลงเล่นแค่ในระดับไทยลีก 4 กับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชุดบี มาตลอด ซึ่งไทยลีกนั้นเป็นลีกสูงสุดและมีคนดูเข้ามาชมมากมาย ผมไม่ได้ซีเรียสกับสถิติตรงนี้ เพราะในอนาคตก็อาจจะมีคนขึ้นมาทำลายสถิติผมก็ได้ หน้าที่ของผมตอนนี้คือต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองและทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด” ศุภณัฏฐ์ กล่าว
ดีกรีเพียบ
แม้จะอายุเพียง 15 ปี แต่ศุภณัฏฐ์ก็มีเส้นทางลูกหนังที่โชกโชนกว่าหลายคนในรุ่นเดียวกัน ที่สำคัญยังสร้างชื่อมาแล้วหลายรายการในสีเสื้อเยาวชนบุรีรัมย์ ไม่ว่าจะเป็นนักเตะยอดเยี่ยมฟุตบอลกรมพลศึกษา ถ้วย ก. รุ่น 14 ปี นักเตะยอดเยี่ยมลีกเยาวชนแห่งชาติ รุ่น 15 ปี และล่าสุดคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์ประเทศไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี รายการ “โค้กคัพ 2017” เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา
ขณะที่ในนามทีมชาติไทย มีดีกรีเป็นกัปตันทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี รวมถึงแบกอายุเป็นกัปตันทีมช้างศึก รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี นำทีมบุกไปคว้าแชมป์ฟุตบอล 4 เส้า รายการจ๊อกกี้ คลับ 2017 ที่ฮ่องกง พร้อมฉายแววเจิดจรัส คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ ควบตำแหน่งดาวซัลโว 7 ประตู
“เขามีทั้งความเร็ว ความแข็งแกร่ง วิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยม การยิงประตูที่เฉียบคม ตลอดจนการเคลื่อนที่ตอนไม่มีบอลซึ่งเกินอายุกว่าเด็กวัยเดียวกัน” โชเซ อัลเวส บอร์จีส หัวหน้าฝ่ายพัฒนาเยาวชนบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อะคาเดมี เผย
เนวินการันตี
เป็นที่ทราบกันดีว่าภายในรั้วบุรีรัมย์ อะคาเดมี นั้นมีความเข้มข้นสูง เพราะเป็นแหล่งรวมของเหล่าบรรดาเยาวชนฝีเท้าฉกาจเกือบทั่วประเทศไทย ดังนั้นการจะก้าวข้ามกำแพงขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน ที่สำคัญผู้ที่จะก้าวขึ้นมานั้นต้องไม่ได้มีแค่ฝีเท้า
“สำหรับบุรีรัมย์ฝีเท้า 40% วินัย 60% จึงเห็นได้ว่ามีเด็กหลายคนที่ฝีเท้าดีแต่ไม่ได้โอกาสขึ้นมา เพราะหลายคนเล่นดีในสนามแต่พอเริ่มโตขึ้นก็เริ่มธาตุไฟแตก ขณะที่ศุภณัฏฐ์ถือว่าสอบผ่าน เรื่องฝีเท้าในรุ่นเดียวกันเขามีพัฒนาการมากที่สุด และสิ่งสำคัญคือยังเป็นเด็กที่มีวินัยมากด้วย เราจึงให้โอกาสเขาได้ขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ รวมถึงมีชื่อนั่งในซุ้มม้านั่งสำรองรายการเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก และไทยลีก ก่อนจะได้ลงสนามในที่สุด” เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล่าว
นอกจากนี้ เนวินยังเชื่อว่าหาก “เจ้าแบงค์” รักษามาตรฐานได้แบบนี้ไปเรื่อยๆ เจ้าตัวจะก้าวขึ้นเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกที่ดีที่สุดของเมืองไทยในอีก 3 ปีข้างหน้า รวมถึงเก่งกว่า “เจ้าเช็ค” สุภโชค สารชาติ พี่ชายแท้ๆ ของเจ้าตัวซึ่งใช้นามสกุลแม่อีกด้วย
“ตอนนี้เขาสอบผ่าน แต่ยังมีเวลาให้ต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะ ผมหวังว่าเขาจะไม่ธาตุไฟแตกไปก่อน ถ้าทำได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือไม่เกิน 5 ปี เขาจะเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกที่ดีที่สุดของเมืองไทยแน่นอน ส่วนสไตล์การเล่นของเขานั้นเราคงจะไม่บอกว่าจะต้องนำใครมาเป็นต้นแบบ นักเตะแต่ละคนต้องมีสไตล์ของตัวเอง” นายใหญ่ปราสาทสายฟ้า มั่นใจ
เป้าต่อไปคือบอลโลก
ศุภณัฏฐ์มีโปรแกรมช่วยทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ทำศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2018 ที่ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 20 ก.ย.-7 ต.ค.นี้ ซึ่งนับเป็นรายการสำคัญเพราะ 4 ทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ จะได้ตั๋วเป็นตัวแทนทวีปฟาดแข้งศึก ยู-17 ชิงแชมป์โลก
ที่ประเทศเปรู ในปี 2019
“ผมจะพยายามทำสุดความสามารถเพื่อให้ทีมชาติไทยชุดเยาวชนประสบความสำเร็จ ด้วยการไปฟุตบอลเยาวชนโลกให้ได้ในปีหน้า” เจ้าแบงค์ ทิ้งท้าย
ทั้งนี้ ทัพช้างศึก ยู-16 ต้องเจอโปรแกรมที่หนักในรายการนี้หลังจับติ้วไปอยู่กลุ่มเอ ร่วมกับ มาเลเซีย (เจ้าภาพ)ญี่ปุ่น และทาจิกิสถาน