พิพิธภัณฑ์ครุฑแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยและในอาเซียน
พญาครุฑเป็นสัตว์หิมพานต์ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตชาวไทยทุกระดับนับแต่เป็นตราแผ่นดิน
โดย...สมาน สุดโต
พญาครุฑเป็นสัตว์หิมพานต์ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตชาวไทยทุกระดับนับแต่เป็นตราแผ่นดิน เป็นเครื่องหมายสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสัญลักษณ์ความยิ่งใหญ่ จึงเห็นพญาครุฑสถิตในที่สูงและในเอกสารสำคัญของราชการรวมทั้งธนบัตร ขณะเดียวกันเมื่อห้างร้านหรือสถาบันเอกชนที่มีคุณูปการต่อแผ่นดินและสังคมชัดเจน จะได้รับพระราชทานตราครุฑ ติดที่หน้าสำนักงานเพื่อเป็นการยกย่องและเชิดชูเกียรติด้วยเช่นกัน
สถาบันภาคเอกชนที่มีครุฑติดหน้าห้าง หน้าร้านนั้นจะเห็นธนาคารมากกว่าสถาบันอื่นๆ ในจำนวนธนาคารทั้งหลายนั้น ธนาคารนครหลวงไทยเป็นธนาคารแห่งหนึ่งที่ได้รับพระราชทานตราครุฑเช่นกัน โดยได้รับมา 70 ปีแล้ว เมื่อธนาคารต้องไปควบกิจการกับธนาคารอื่น ชื่อธนาคารเปลี่ยนไป ธนาคารใหม่ใช้ตราครุฑไม่ได้ จึงเป็นที่มาของพิพิธภัณฑ์ครุฑแห่งแรกของไทยและอาเซียน ดำเนินกิจการโดยธนาคารธนชาต
พิพิธภัณฑ์ครุฑแห่งแรกของไทยและอาเซียนนี้ ตั้งที่ศูนย์ฝึกอบรมของธนาคารธนชาต ที่บางปู จ.สมุทรปราการ เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและความสำคัญของสัตว์หิมพานต์ที่ได้รับยกย่องว่าเป็นสัญลักษณ์สถาบันพระมหากษัตริย์
ครุฑพระราชทาน
ประชาสัมพันธ์ธนาคารชาตได้แนะนำ พิพิธภัณฑ์ครุฑต่อสื่อมวลชน ว่า ครุฑที่รวบรวม ไว้ที่พิพิธภัณฑ์เป็นครุฑพ่าห์ที่ธนาคารนครหลวงไทยรับพระราชทานเป็นครั้งแรกเมื่อ 70 ปีที่ผ่านมา และได้อัญเชิญติดตั้งตามสาขาต่างๆ ของธนาคารที่ขยายออกไปทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
เมื่อธนาคารนครหลวงไทยต้องควบกิจการกับธนาคารธนชาต เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2554 จึงจำเป็นต้องอัญเชิญเครื่องหมายครุฑพ่าห์คืนให้กับสำนักพระราชวัง ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายครุฑ พ่าห์ ปี 2534 ที่บัญญัติไว้ว่า ให้บุคคล ห้างร้าน หรือบริษัทที่ได้รับพระราชทานตราตั้ง “เครื่องหมายครุฑพ่าห์” ต้องคืนตราตั้งให้กับสำนักพระราชวังเมื่อบุคคล ห้างร้าน หรือบริษัทนั้นๆ เลิก
ธนาคารธนชาต ซึ่งได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญขององค์ครุฑพระราชทาน ที่มีความผูกพันและความศรัทธามาอย่างยาวนานกับคนไทย จึงได้อัญเชิญองค์ครุฑไปประดิษฐานในที่อันเหมาะสม โดยมีการประกอบพิธีอย่างถูกต้องตามหลักประเพณีจากพระราชครูศิวาจารย์ ครูพราหมณ์ประจำราชสำนัก โดยทำพิธีกล่าวอัญเชิญองค์ครุฑ ทั้งที่หน้าอาคารสำนักงานใหญ่ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และสาขาทั่วประเทศมาประดิษฐานที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ณ ศูนย์ฝึกอบรมธนาคารธนชาต บางปู และได้ตั้งให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับครุฑในทุกๆ ด้าน ตามพื้นฐานความเชื่อจากคติจักรวาลในศาสนาพราหมณ์ฮินดู และศาสนาพุทธ เชื่อมโยงความสัมพันธ์กับสถาบันการปกครองของไทยอย่างลึกซึ้ง ครอบคลุมความเชื่อที่ปรากฏให้เห็นในสังคมไทยมาจนถึงปัจจุบัน
วันเปิดตัวพิพิธภัณฑ์ต่อสื่อมวลชน ธนาคารเชิญอาจารย์ประสาท ทองอร่าม (อาจารย์มืด) อดีตผู้เชี่ยวชาญแห่งกรมศิลปากร มาอธิบาย และนำชมพิพิธภัณฑ์แห่งเดียวของไทย และอาเซียนอย่าง ทั่วถึง พร้อมทั้งเล่าประวัติความเป็นมาของครุฑ ก่อนที่จะกลายมาเป็นพาหนะของพระนารายณ์
จัดแสดงครุฑ 5 ห้อง
พิพิธภัณฑ์ครุฑแบ่งบริเวณจัดแสดงออกเป็น 5 ห้อง ได้แก่ โถงต้อนรับ ครุฑพิมาน (ป่าหิมพานต์) นครนาคราช อมตะจ้าวเวหา และห้องจัดแสดงครุฑ
โถงต้อนรับ
เมื่อเดินเข้ามายังพิพิธภัณฑ์นี้ จะมีสัญลักษณ์พิพิธภัณฑ์ครุฑเด่นเป็นสง่าอยู่กลางโถง ซึ่งด้านขวามือจะเป็นกาพย์ห่อโคลงที่กล่าวถึงพญาครุฑในแง่มุมทางพุทธศาสนา ที่ได้รับเกียรติจากยอดกวีแห่งยุครัตนโกสินทร์ อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ประพันธ์ไว้ โดยถ่ายทอดความเป็นเทพของพญาครุฑที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับพระนารายณ์บนพื้นฐานของจักรวาล
โถงต้อนรับที่เป็นรูปวงกลมจะมีภาพหน้าสาขาต่างๆ ของธนาคารนครหลวงไทยที่ถ่ายทอดความประทับใจเก็บไว้ ด้านขวามือของโถงมีวีดิทัศน์ แนะนำเรื่องราวและความสำคัญของพญาครุฑ โดยอาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ ผู้เชี่ยวชาญด้าน ศิลปวัฒนธรรมไทย และเป็นที่ปรึกษาในการ จัดสร้างพิพิธภัณฑ์ครุฑแห่งนี้ด้วย รวมถึงการบอกเล่าประสบการณ์การปั้นครุฑจากศาสตราภิชานสัญญา วงศ์อร่าม จากภาควิชาศิลปศึกษา คณะ ครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ครุฑพิมาน
ครุฑพิมาน หรือวิมานแห่งครุฑ เป็นการรังสรรค์ห้องจัดแสดงส่วนนี้ให้เป็นป่าหิมพานต์ ตามความเชื่อว่าถิ่นที่อยู่อาศัยของพญาครุฑ คือ ป่าหิมพานต์ ซึ่งเป็นดินแดนที่กำเนิดขึ้นภายใต้แนวความคิดศูนย์กลางของจักรวาลตามความเชื่อศาสนาพราหมณ์ฮินดู
อยู่ในห้องนี้ก็จะได้เหมือนท่องไปในแดน หิมพานต์ มีการจำลองสัตว์วิเศษที่ปั้นเสมือนจริงและจัดวางตามทิศที่อยู่อาศัยจริงของป่าหิมพานต์ ต้นมักกะลีผล จำลองสระอโนดาตอยู่ตรงกลางของห้องจัดแสดงและมีการนำเข้าสู่ห้องจัดแสดงถัดไปโดยมีแม่น้ำมหานทีสีทันดรเชื่อมระหว่างห้อง
นครนาคราช
นครนาคราช เป็นการเนรมิตอุโมงค์ทางเดินกว่า 10 เมตร ให้กลายเป็นมหานครใต้น้ำ ทั้งสีสัน บรรยากาศ และวัสดุที่เลือกใช้ เพื่อให้สมกับเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของเจ้าแห่งสายน้ำอย่างพญานาค ซึ่งเป็นปรปักษ์ตลอดกาลของพญาครุฑ โดยในห้องมีจิตรกรรมฝาผนัง “ครุฑยุดนาค” ที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ของพญาครุฑและพญานาค
ห้องอมตะจ้าวเวหา
เดินเข้ามาห้องนี้จะได้ชมสื่อมัลติมีเดียในรูปแบบแอนิเมชั่นที่ถูกฉายบนผนังโค้งครึ่งวงกลม โดยมีเรื่องราวที่แสดงถึงคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของพญาครุฑในด้านความกตัญญูกตเวทิตา พละกำลัง และความเสียสละ และมีการนำองค์ครุฑจากสาขาต่างๆ บางส่วน มาประทับไว้บนผนังของห้องนี้ เพื่อให้เสมือนเป็นการเหินเวหาของพญาครุฑ
ห้องจัดแสดงครุฑ
เสน่ห์ขององค์ครุฑพระราชทานไม่ได้อยู่ที่ความสวยงามหรือท่วงท่าอันสง่างามที่แสดงพลังอำนาจอันน่าเกรงขามอย่างเดียว หากแต่อยู่ที่คุณค่าและประวัติศาสตร์การสร้างสรรค์ครุฑแต่ละองค์
เราจะเห็นครุฑที่มีรูปร่าง หน้าตา สีของผ้านุ่ง เครื่องทรงที่ไม่เหมือนกันเลยแม้แต่องค์เดียว เพราะเมื่อย้อนไปในอดีตจะพบว่าไม่มีกฎเกณฑ์ข้อบังคับที่กำหนดลักษณะของครุฑ
องค์ครุฑพระราชทานทุกองค์ที่อัญเชิญมาประดิษฐานก็มีความเก่าแก่ต่างกันไป องค์ที่เก่าแก่ที่สุดเป็นครุฑจากสาขาแรกของธนาคารนครหลวงไทย คือ สาขาราชดำเนิน เมื่อ 70 ปีที่ผ่านมา จึงมีความชำรุดให้เห็น
ส่วนครุฑที่ออกหน้าจีน ได้แก่ ครุฑจากสาขาเยาวราช ในขณะที่ครุฑบางองค์ยังแสดงหน้าตาที่แตกต่างกันไป แต่ทุกหน้าตาเป็นเรื่องบ่งบอกอำนาจทั้งสิ้น