ทองกอดคอหุ้น-เงินบาทดิ่ง
หุ้นร่วง 6.69% ทองดิ่ง 21% บาทอ่อน 10% ตลาดหุ้นไทยเล็กลง 3 แสนล้าน
หุ้นร่วง 6.69% ทองดิ่ง 21% บาทอ่อน 10% ตลาดหุ้นไทยเล็กลง 3 แสนล้าน
ในปี 2556 นักลงทุนส่วนใหญ่บาดเจ็บหนัก โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายงานว่า ดัชนีหุ้นสิ้นปี ปิดที่ 1,298.71 จุด ลดลง 93.22 จุด หรือ 6.69% และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม หายไป 334,682 ล้านบาท หรือ 2.82% มาอยู่ที่ 11.49 ล้านล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติกระหน่ำขายหุ้นไทยมากที่สุดในเอเชีย ถึง 193,911 ล้านบาท ขณะที่สถาบันในประเทศช้อนไว้ 108,163 ล้านบาท รายย่อยซื้อ 87,470 ล้านบาท
ราคาหุ้นที่ลดลงทำให้ตลาดหุ้นไทยให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชียที่ 3.24% เพิ่มขึ้นจาก 2.98% เมื่อปี 2555 และดึงดูดให้นักลงทุนแห่เปิดบัญชีจำนวน 165,621 คน เพิ่มขึ้น 20.77%
ภาวะตลาดหุ้นไทยสดใสเพียง 5 เดือนแรกเท่านั้น ก่อนที่จะกลับหลังหันเป็นขาลงยาวถึงสิ้นปี และต่อเนื่องถึงปีหน้า เริ่มจากธนาคารกลางสหรัฐได้ช็อกโลกเมื่อประกาศจะลดและเลิกมาตรการคิวอี และตลาดยังถูกซ้ำเติมจากปัจจัยลบในประเทศทั้งการส่งออกและเศรษฐกิจตกต่ำแรงเกินคาด จนนำไปสู่การปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนและเศรษฐกิจในปีนี้ถึงปีหน้า และที่สำคัญเกิดวิกฤตการเมืองด้วย
ด้านราคาทองคำก็กลับทิศเป็นขาลงชัดเจน จนหล่นลงมาซื้อขายบริเวณ 1,200 เหรียญสหรัฐ กดราคาทองคำแท่งในประเทศลงบาทละ 5,250 บาท หรือ 21.85% โดยเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. เสนอซื้อที่ 18,750 บาท และขายออก 18,850 บาท จากปี 2555 รับซื้อที่ 24,000 บาท แม้ว่าค่าเงินบาทอ่อนลงมากที่สุดในรอบกว่า 3 ปีก็ตาม โดยปีนี้ปิดที่ 32.86/87 บาท จากต้นปีอยู่บริเวณ 30 บาท ลดลงเกือบ 10%
นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในเดือน พ.ย เงินทุนเคลื่อนย้ายติดลบ 4,657 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเทขายหลักทรัพย์และนักลงทุนไทยออกไปซื้อสินทรัพย์ในต่างประเทศ ทำให้ดุลการชำระเงินขาดดุล 2,439 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่เมื่อรวมดุลบริการจากการท่องเที่ยวและการค้า ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2,294 ล้านเหรียญสหรัฐ และอัตราแลกเปลี่ยน ณ เดือน พ.ย. อยู่ที่ 32.11 บาท ลดลงจากเดือนก่อน 3.2%