การซ้อมรบเสือป่าในสมัยรัชกาลที่ 6
ภาพเสือป่าถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2557 ณ ค่ายหลวงบ้านไร่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
โดย...สมาน สุดโต
ภาพเสือป่าถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2557 ณ ค่ายหลวงบ้านไร่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี หลังจากเวลาผ่านไป 100 ปีเศษ เมื่อกลุ่มเอกสารจดหมายเหตุและบริการ สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร เชิญวิทยากรที่คลุกคลีกับพระราชกรณียกิจพิเศษของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 มาเล่าเรื่องประกอบภาพเก่าฟื้นความคิด จิตวิญญาณเสือป่า
กำเนิดเสือป่า
พระราชกรณียกิจสำคัญอย่างหนึ่งของรัชกาลที่ 6 คือ กิจการเสือป่า กองกำลังพลเรือนอาสาสมัคร แต่ใช้การฝึกแบบทหาร ที่ทำหน้าที่ลาดตระเวน สืบเสาะหาข่าว เพื่อความมั่นคงของประเทศ
กำเนิดเสือป่าตามพระราชดำริมีขึ้นในเรือพระที่นั่งจักรี
กองเสือป่าที่ทรงตั้งครั้งแรกใช้ม้าเป็นหลัก เพื่อความคล่องตัว คอยทำหน้าที่ลาดตระเวน โดยไม่ผิดสัญญาต่อพระราชไมตรีกับต่างประเทศที่ห้ามมิให้มีหน่วยทหารใกล้บริเวณชายแดน เพราะเสือป่าเป็นอาสาสมัครพลเรือนที่ขึ้นตรงกับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งไม่ใช่ทหาร
ก่อนที่เวทีเสวนาจะเริ่มขึ้นในเวลา 10.00 น.ผู้อำนวยการสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ นัยนา แย้มสาขา นำคณะผู้เข้าร่วมเสวนาจำนวน 100 คน ถวายกุหลาบแดง ณ พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 ที่ประทับบนพระเก้าอี้สนาม บนเนินสูงเพื่อทอดพระเนตรการซ้อมรบเสือป่า ด้วยความสนพระราชหฤทัย ณ ค่ายหลวงบ้านไร่
ตลอดเวลาที่พระองค์ทรงครองราชย์ เป็นเวลา 15 ปี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงนำกองลูกเสือป่ามาซ้อมรบ ณ ที่แห่งนี้ถึง 15 ครั้ง
ม.ล.ปิ่น มาลากุล
ค่ายหลวงบ้านไร่ได้รับการรื้อฟื้นและบูรณะเมื่อ พ.ศ. 2530 โดย ม.ล.ปิ่น มาลากุล ในฐานะที่เคยเป็นนักเรียนเสือป่ารับใช้ใกล้ชิดกับพระองค์ท่าน ที่เห็นเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยตา เป็นผู้ชี้จุดสำคัญๆ ในค่ายหลวง เช่น ที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ว่า อยู่ตรงไหน เป็นต้น
ที่ประทับนั้น ปัจจุบันมีต้นมะปรางเปรี้ยวต้นสูงใหญ่ยืนสง่าเป็นเครื่องหมาย ใกล้ๆ กับบ่อน้ำซึม สำหรับตักมาใช้สอยและบริโภค
วิทยากรที่เล่าเรื่องประกอบภาพเก่า ได้แก่วรชาติ มีชูบท อดีตนักเรียนเก่า และครูโรงเรียนวชิราวุธ ภาณุพงศ์ ไชยคง อาจารย์สอนประวัติศาสตร์ วชิราวุธวิทยาลัย และภูวนารถ กังสดาลมณีชัย แห่งสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ
แผนยุทธศาสตร์
ตามแนวพระราชดำริการป้องกันประเทศของรัชกาลที่ 6 ถ้าชาติตะวันตกรุกราน จะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่ จ.นครปฐม โดยพระราชวังสนามจันทร์ จะเป็นที่ประทับ เพราะเชื่อว่าอริราชศัตรูที่เป็นฝรั่งจะเดินทางไปถึงลำบาก เช่น ถ้าเดินทางบกจะต้องติดหล่มแถวสวนธนบุรี ที่พระองค์ไม่มีพระราชดำริให้สร้างถนนย่านฝั่งธนแม้แต่สายเดียว เพราะเกรงว่าจะเป็นทางสะดวกสำหรับศัตรู แต่ถ้าศัตรูเลือกเดินทางโดยรถไฟ ก็ง่ายต่อการป้องกัน เพราะจะรื้อรางรถไฟออก เช่นกัน
การที่มีพระราชดำริในการป้องกันศัตรู ก็เพราะเป็นช่วงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่อมาพระองค์นำประเทศสยามเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2460 โดยอยู่ฝ่ายพันธมิตร มีฝรั่งเศส เป็นต้น
ส่วนพิธีตั้งกองเสือป่าและถือน้ำพิเศษกองเสือป่า จัดขึ้นเมื่อเดือน พ.ค. 2454 และได้จัดตั้งเป็นระบบโดยแบ่งเป็น 7 เหล่า คือ 1.เหล่าราบ 2.เหล่าม้า 3.เหล่าปืนใหญ่ 4.เหล่าช่าง 5.เหล่าเดินข่าว 6.เหล่าพาหนะ 7.เหล่าพราน
และแบ่งเป็น 7 แผนก คือ 1.แผนเสนาธิการ 2.แผนกปลัด 3.แผนกสัสดี 4.แผนกยกกระบัตร 5.แผนกเกียกกาย 6.แผนกจเร 7.แผนกสารวัตร
การซ้อมรบเสมือนจริง
การซ้อมรบเสือป่า ได้ทำนอกสถานที่หลายแห่ง เช่น นครไชยศรีและพระราชวังสนามจันทร์ นอกจากที่ค่ายหลวงบ้านไร่ แต่โปรดให้ซ้อมเสมือนจริง โปรดให้ใช้รถยนต์ของพระองค์เป็นรถหุ้มเกราะ ให้ใช้ประทัดเป็นอาวุธ
ตัวอย่างการซ้อมรบที่พระราชวังสนามจันทร์ มีการแบ่งกองกำลังออกเป็นฝ่ายสีแดงและสีเหลือง สีแดงสมมติว่าเป็นฝ่ายยุโรป ที่เป็นศัตรูบุกรุกมีกองกำลัง 917 นาย สีเหลืองสมมติว่าเป็นฝ่ายสยาม ที่ถูกบุกรุกหรือตั้งรับ มีกองกำลัง 600 นาย
ได้มีเหตุสลดใจในการซ้อมรบ เมื่อเสือป่าจมน้ำตาย เรื่องมีว่าเสือป่าชื่อเชื้อ ว่ายน้ำไม่เป็น แต่เชื่อฟังผู้บังคับบัญชาที่สั่งให้ลงน้ำ จึงจมน้ำตาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเจดีย์บรรจุอัฐิไว้ที่พระปฐมเจดีย์ และยังคงอยู่ทุกวันนี้
กรณีกบฏ ร.ศ. 130
อย่างไรก็ตาม การเกิดกองเสือป่า ทำให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจในหมู่ทหาร เพราะหลายสิ่งหลายอย่างบ่งบอกว่ามาแข่งกับทหาร และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ให้ความสนใจและใกล้ชิดมาก จึงเกิดกรณีกบฏ ร.ศ. 130 ขึ้น โดยมีนายทหารถูกจับกุม 91 นาย ศาลทหารพิพากษาประหารชีวิต 3 นาย นอกจากนั้นพิพากษาลงโทษหนักเบาแล้วแต่กรณี ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานอภัยโทษหมดทุกคน หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1
เสือป่า กองรบพิเศษ ที่ทำหน้าที่สอดแนม หาข่าว เพื่อความมั่นคงของชาติ ได้ยืนยงอยู่ชั่วระยะเวลาการครองราชย์ของพระผู้สถาปนาเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องให้ศึกษา เพราะเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของสยาม
ไทยตั้งกองลูกเสือเป็นที่ 3 ของโลก
ข้อมูลจาก 100 รอยอดีต โดย ส.พลายน้อย พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2527 ว่า
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเสือป่าและลูกเสือ เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2454 และกระทำพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2454 ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พร้อมกับพิธีตรึงหมุดธงประจำกอง ในครั้งนั้นทรงโปรดเกล้าฯ ให้กองเสือป่าหลวงที่จัดตั้งเรียบร้อยแล้ว 1 กองร้อย กระทำสัตย์สาบานถือน้ำเป็นสมาชิกประจำการเป็นประเดิม
การจัดตั้งกองเสือป่าขึ้นนี้ ทรงตั้งพระราชหฤทัยไว้ตั้งแต่ก่อนเสวยราชย์ เพราะทรงมีพระราชประสงค์จะให้ข้าราชการพลเรือนได้เรียนรู้วิชาทหารไว้ช่วยป้องกันบ้านเมืองในเวลาที่มีศึกสงคราม หรือช่วยปราบปรามโจรผู้ร้าย
ต่อมามีพระราชปรารภว่า “ผู้ที่จะเป็นเสือป่าต้องเป็นผู้ที่นับว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฝ่ายเด็กชายที่ยังอยู่ในปฐมวัยก็เป็นที่สมควรจะได้รับความฝึกฝน ทั้งในส่วนร่างกายและในส่วนใจให้มีความรู้ในทางเสือป่า เพื่อว่าเมื่อเติบใหญ่ขึ้นแล้วจะได้รู้จักหน้าที่ซึ่งผู้ชายไทยทุกคนควรจะประพฤติให้เป็นประโยชน์แก่บ้านเมือง” จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งกองลูกเสือขึ้นตามโรงเรียน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2454 เป็นต้นไป
การลูกเสือแห่งแรกของโลกกำเนิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2451 ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ตั้งกองลูกเสือขึ้นเม่ือ พ.ศ. 2452 ประเทศไทยจึงมีกิจการลูกเสือเป็นประเทศที่ 3 ของโลก