สสรท. เรียกร้อง 9 ข้อ  จี้ นายกฯอิ๊งค์ - รัฐบาล ทำตามสัญญา แก้ไขปัญหาปากท้อง

ท่ามกลางกระแสการจับตาการประเมินผลงาน 90 วัน ของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่มีนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี สมาพันธ์สมานฉันท์แรงงานไทย (สสรท.) ได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึก ถึงนายกรัฐมนตรีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และ รัฐบาล เรื่อง “คำมั่นสัญญาที่จะแก้ไขปัญหาปากท้องของผู้ใช้แรงงานและประชาชน ถึงเวลาต้องทำทันที”

 

 

โดยจดหมานดังกล่าวมีใจความสำคัญ ระบุว่า หากดูจากการชูนโยบายของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในการหาเสียงจะเน้นไปที่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและผู้ใช้แรงงาน เช่น เรื่อง ค่าจ้าง ๖๐๐ บาทต่อวัน จะลดค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซ ค่าน้ำมัน ทันทีที่ได้เป็นรัฐบาล แต่จนถึงบัดนี้เวลาล่วงเลยมานานก็ยังไม่เห็นรูปธรรมความชัดเจนต่อคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน รวมทั้งการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาที่แถลงไปหลายเรื่องยังไม่มีรูปธรรมที่ชัดเจนเช่นกัน

 

 

นอกจากนี้ในภาคการเมืองล้วนเต็มไปด้วยการแย่งชิงอำนาจเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง โดยปราศจากเรื่องราวที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศ ปัญหาความทุกข์ยากของประชาชน แต่การทุจริตกลับขยายเป็นวงกว้างในหมู่นักการเมืองทั้งเครือข่ายระดับประเทศและท้องถิ่น

ผู้ใช้แรงงานในสังคมมีจำนวนสูงถึง 48 ล้านคน จากประชากรของประเทศ 67 ล้านคน และยังมีแรงงานข้ามชาติกว่า 4 ล้านคน คนเหล่านี้อยู่ในสภาวะยากจน แทบไร้หลักประกันในการดำเนินชีวิต ทั้งความมั่นคง ความปลอดภัยในการทำงาน และไม่มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ แรงงานจำนวนไม่น้อยที่ต้องตกงานว่างงานไร้อาชีพก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมา

 

แม้รัฐบาลจะค้นหาวิธีการแก้ไขปัญหาไปแบบชั่วคราวแต่กลับไร้ทิศ ผิดทาง เช่น การแจกเงิน และการดึงนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาแลกกับสิ่งที่พิเศษมากมาย เช่นการยกเว้นภาษี ให้เช่าที่ดิน ในขณะที่คนไทยจำนวนมากยังไร้ที่ทำกิน ซึ่งหวังว่าจะทำให้เกิดการจ้างงาน

 

แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ปรากฏการณ์เลิกจ้างปิดกิจการของสถานประกอบการเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนงานแทบไม่มีหลักประกันใดๆ และไม่มีความมั่นคงในชีวิต

 

 

สมาพันธ์สมานฉันท์แรงงานไทย ยังระบุเพิ่มเติมว่า จดหมายฉบับนี้ไม่ได้กล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอยมีหลักฐานในเชิงประจักษ์มากมายที่ปรากฏในสื่อสาธารณะทั่วไป สื่อออนไลน์ สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างทางการเมืองเศรษฐกิจ เป็นต้นเหตุหลักของปัญหาสังคมการทุจริตความยากจนความเหลื่อมล้ำ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ 9 ข้อดังนี้

1.รัฐบาลต้องสนับสนุนการปรับขึ้นค่าจ้างให้เท่ากันทั้งประเทศ ครอบคลุมคนทำงานในทุก
ภาคส่วน ต้องทำทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขตามที่แถลงไว้ ก่อนที่จะถูกประณามว่า “รัฐบาลตระบัดสัตย์”

 

 

2. รัฐบาลต้องยกเลิกการแปรรูปรัฐวิสาหกิจในทุกรูปแบบ ในทางกลับกันรัฐบาลต้องสนับสนุนส่งเสริมให้รัฐวิสาหกิจเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและการให้บริการ
แก่ประชาชนให้เข้าถึงบริการที่ดี มีคุณภาพมาตรฐาน พัฒนาศักยภาพองค์กร เพิ่มและพัฒนาบุคลากรให้พร้อมต่อการให้บริการ

 

 

3. รัฐบาลต้องประกาศนโยบายการจ้างงานที่มั่นคง ยกเลิกการจ้างงานระยะสั้น ชั่วคราว

 

4.รัฐบาลต้องสนับสนุนส่งเสริมให้มีการปฏิรูปประกันสังคมอย่างจริงจัง เป็นการประกันสังคมแบบถ้วนหน้า คนทำงานทุกคนต้องมีสิทธิเข้าถึงการประกันสังคมและสิทธิประโยชน์เท่าเทียมกัน

 

5. รัฐบาลต้องสนับสนุนส่งเสริมให้มีกฎหมายแรงงานที่ทำให้คนทำงานอาชีพ ทุกภาคส่วนสามารถรวมตัวจัดตั้งองค์กรแรงงานของคนงานได้

 

 

6.รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการให้คนทำงานมีความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมจากการทำงานทั้งการป้องกันอุบัติเหตุจากการทำงาน โรคจากการทำงาน และการตรวจนิคมอุตสาหกรรม โรงงาน สถานประกอบการ ให้เครื่องมือ อุปกรณ์อยู่ในสภาพที่ดี มีมาตรฐาน มีความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ วางมาตรการเข้มข้นกับสถานประกอบการที่ใช้สารเคมี การกำจัดสารเคมีที่จะไม่ส่งผลร้ายกระทบ
ต่อคนงาน ประชาชนและชุมชน

 

 

7.รัฐบาลต้องสนับสนุนให้เกิดการเพิ่มประชากรด้วยการมีบุตรเพราะโครงสร้างประชากรของประเทศปัจจุบันอัตราการเกิดต่ำกว่าอัตราการเสียชีวิต ทำให้เกิดการขาดแคลนแรงงานและบุคลากร

 

8.รัฐบาลต้องมีมาตรการที่ชัดเจนในการนำแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานในประเทศ

 

 

9. รัฐบาลต้องมีมาตรการในการควบคุมราคาสินค้าที่เกี่ยวข้อง จำเป็นในการดำเนินชีวิตอย่างจริงจัง ไม่ให้มีราคาแพง ไม่ให้มีการผูกขาดทางการค้า ยกเลิกสัญญาการให้บริการสาธารณะ เช่น ไฟฟ้า ประปา น้ำมัน ก๊าซ การขนส่ง การสื่อสาร โทรคมนาคม ที่รัฐบาลทำไว้กับเอกชน และกำหนดราคาที่เป็นธรรมกับประชาชน เพื่อเป็นการลดรายจ่ายของประชาชน และการปรับขึ้นค่าจ้าง ๖๐๐ บาทเท่ากันทั้งประเทศ “ให้ประชาชนอยู่ดี กินดี มีศักดิ์ศรี”

 

 

โดยระบุในตอนท้ายว่า  รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร “ต้องทำทันที” อย่างไม่มีเงื่อนไข