posttoday

พระศากยมุนีมิใช่ชาวพุทธ

01 มกราคม 2560

ในบันทึกของปิตาจารย์โบราณในศาสนาคริสต์ยุคต้น มีเรื่องราวของนัก พรตท่านหนึ่ง ซึ่งบำเพ็ญภาวนาในทะเลทราย

โดย...กรกิจ ดิษฐาน

ในบันทึกของปิตาจารย์โบราณในศาสนาคริสต์ยุคต้น มีเรื่องราวของนัก พรตท่านหนึ่ง ซึ่งบำเพ็ญภาวนาในทะเลทราย มีอยู่คืนหนึ่งพวกโจรบุกเข้ามาในที่พักแล้วข่มขู่ว่าจะมาปล้นชิง ให้ส่งของมีค่ามาให้เสียแต่โดยดี นักพรตบอกกับพวกโจรด้วยท่าทีเป็นปกติว่า “เอาสิ อยากได้อะไรก็หยิบไป”

พวกโจรจึงจัดการหยิบฉวยทุกสิ่งทุกอย่างในกระท่อมอันแสนแร้นแค้น จากนั้นก็รีบเผ่นออกไป แต่พวกนั้นลืมหยิบเอากระติกน้ำที่แขวนบนขื่อกระท่อมไปด้วย นักพรตจึงปลดมันลงมาแล้วรีบวิ่งตาม พลางร้องตะโกนให้พวกนั้นหยุด “พี่น้องเอ๊ย กลับมานี่ก่อน เอานี่ไปด้วย” แล้วชูกระติกน้ำให้พวกนั้นดู

พวกโจรเห็นแล้วพากันแปลกใจ และกลายเป็นความรู้สึกตื้นตัน จึงพากันหวนกลับมาหานักพรต มิใช่เพื่อแย่งชิงกระติกน้ำ แต่กลับมาเพื่อขอขมาท่าน จากนั้นคืนของที่ปล้นไปทั้งหมด

แล้วพากันว่า “ท่านเป็นคนของพระเจ้าโดยแท้จริง”

ตำนานเรื่องนี้คล้ายกับเรื่องของท่านชิจิริ โคจุน คณาจารย์นิกายเซนชาวญี่ปุ่น มีครั้งหนึ่งขณะที่ท่านกำลังสวดพระสูตรอยู่ มีโจรถือมีดเข้ามาข่มขู่ท่านให้รีบส่งเงินมา หาไม่แล้วต้องจบชีวิตด้วยดาบเล่มนี้

ท่านโคจุนกล่าวอย่างไม่แยแสว่า “อย่าเพิ่งมากวน เงินอยู่ในลิ้นชักโน่น” แล้วท่านก็สวดสาธยายต่อไป ปล่อยให้โจรหยิบเงินตามใจชอบ แต่สักพักก็เอ่ยขึ้นว่า “อย่าเอาไปหมด เหลือไว้ให้ข้าจ่ายค่าอากรพรุ่งนี้ด้วย” พอโจรผู้นั้นได้ทรัพย์สินไปแล้ว กำลังจะเผ่นออกไป ท่านโคจุนก็ท้วงขึ้นว่า “คนอื่นให้ของแล้ว ขอบคุณสักหน่อยจะเป็นไร” โจรผู้นั้นก็ขอบคุณท่านแบบงงๆ แล้วก็จากไป

อีกไม่กี่วันต่อมา โจรผู้นั้นถูกทางการจับตัวได้ แล้วรับสารภาพว่าไปปล้นใครมาบ้าง หนึ่งในนั้นมีท่านโคจุนรวมอยู่ด้วย เมื่อทางการเรียกตัวท่านไปให้ปากคำ ท่านกลับกล่าวว่า “ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่โจรหรอก อาตมาให้เงินเขาเอง ส่วนเขาก็ขอบคุณอาตมาแล้ว”

โจรรู้สึกซาบซึ้งใจในเมตตาของท่านยิ่งนัก เมื่อพ้นโทษแล้วจึงดั้นด้น มาถวายตัวเป็นศิษย์ท่านโคจุน

นิทานของนักพรต (หรือฤาษี) ชาวคริสต์ และบรรพชิตชาวพุทธ มีความต่างเล็กน้อย แต่มีความคล้ายคลึงในแก่นของเรื่อง นั่นคือความเมตตาอันปราศจากขอบเขต แม้แต่คนที่ประสงค์ร้ายต่อพวกท่าน เหมือนในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ว่า “ถ้าผู้ใดอยากจะฟ้องศาล เพื่อจะปรับเอาเสื้อของท่านไป ก็จงให้เสื้อคลุมแก่เขาเสียด้วย” (มัทธิว 5 : 40) และ “ถ้าเขาจะขอสิ่งใดจากท่าน ก็จงให้ อย่าเมินหน้าจากผู้ที่อยากขอยืมจากท่าน” (มัทธิว 5 : 42)

ศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์มีหลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน ตอนที่ศาสนาคริสต์ (ฝ่ายตะวันออก) แพร่มาถึงอาณาจักรต้าถัง ก็มีการแปลพระคริสตธรรมโดยใช้ศัพท์ทางพุทธศาสนา กล่าวกันว่ามิได้สอนเรื่องบาปกำเนิด หากสอนว่าทุกคนพึงขจัดบาปคือตัณหาให้สิ้นไป แน่นอนว่าคำสอนทำนองนี้ผิดไปจากที่ศาสนจักรหลักๆ สังคายนาไว้ แต่สะท้อนว่าพุทธธรรมและคริสตธรรมเคยพยายามปรับตัวเข้าหากัน แต่เมื่อมีองค์กรอย่าง “ศาสนา” ขึ้นแล้ว ยากที่ธรรมจะลงรอยกันได้

ฮย็อนกัก ซือนิม พระอาจารย์เซนชาวอเมริกันที่บวชในเกาหลี กล่าวว่า “พระศากยมุนีมิใช่ชาวพุทธ พระเยซูก็มิใช่ชาวคริสต์ ท่านทั้งสองมิได้สอนให้เราสร้างศาสนาขึ้นมา”