เส้นทางชีวิต "อัมพร ปานกระโทก" จากกรรมกรสู่นักแสดงสมทบระดับตำนาน
ส่องชีวิต "อัมพร ปานกระโทก" กับเส้นทางสู่นักแสดงสมทบระดับตำนานเมืองไทยที่สร้างสีสันและความเข้มข้นให้ทั้งละคร-หนังของเมืองไทยไปจนถึงฮอลลีวูดมากว่า 30 ปี
ส่องชีวิต "อัมพร ปานกระโทก" กับเส้นทางสู่นักแสดงสมทบระดับตำนานเมืองไทยที่สร้างสีสันและความเข้มข้นให้ทั้งละคร-หนังของเมืองไทยไปจนถึงฮอลลีวูดมากว่า 30 ปี
*************************
โดย…รัชพล ธนศุทธิสกุล
เอ่ยชื่อ “อัมพร ปานกระโทก” ใครหลายคนอาจจะสงสัยเขาเป็นใคร ทำไมคนในวงการละครหรือภาพยนตร์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พากันแชร์ข้อความเฟซบุ๊กและเบอร์ติดต่อ 081-251-2660 ช่วยเหลือส่งต่องานการแสดงกับชายวัย 65 ปี คนนี้
ง่ายที่สุดเลยคือน้อยคนนักที่จะรู้จักชื่อ-นามสกุลจริงๆ หากแต่ว่าได้เห็นหน้าเป็นต้องร้องอ๋อทุกราย เพราะจากฝีไม้ลายมือและคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนออกเพียงไม่กี่ฉากในฐานะนักแสดงเอ็กซ์ตร้าคนยังจดจำได้ทั่งประเทศ
ซึงไม่มากก็น้อยการได้เห็นตำนานนักแสดงสมทบผู้นี้โลดแล่นต่ออาจจะช่วยพัฒนาวงการแสดง แต่ส่วนที่ได้แน่ๆ เลยคือประสบการณ์ชีวิตของเขานั้นมีค่าในการนำไปปรับใช้กับชีวิตได้ในทุกด้าน
เพราะรักจึงทำ
“อยากแสดงหนัง เล่นหนังละคร เพราะได้ดูหนังของ คุณส.อาสนจินดา คุณประจวบ ฤกษ์ยามดี คุณทักษิณ แจ่มผล” อัมพรหรือลุงพร เล่าเส้นทางชีวิตในช่วงยุคพ.ศ.2510 ด้วยวัยเพียง10ขวบ ก็ใฝ่ฝันการเป็นนักแสดงจากการดูหนังกลางแปลง
นอกจากชื่อเสียงและเงินทองอันเป็นผลพลอยได้ นิสัยแสดงออกได้นำพาลูกหลานย่าโม เล่นเลียบแบบฉากต่างๆ ในภาพยนตร์ จนเกิดเป็นความหลงรักด้านการแสดง ซึ่งมักจะเป็นหัวโจกชวนเพื่อนๆ มาร่วมสวมบทบาทพระเอก ตำรวจ ส่วนตัวเขานั้นรับบทเป็นผู้ร้าย
“พ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเราไม่ได้ทำผิดอะไร เวลามีงานบ้านทำเสร็จเราก็เล่นเลยตามหนังที่ดู ก็ทำให้ไม่มีใครมองว่าแปลกที่เด็กบ้านนอกอย่างเราฝันอยากแสดงหนัง”
อัมพรบอกว่า เมื่อความแปลกไม่ใช่ปัญหา แต่กำแพงใหญ่ที่ขวางฝันนั้นคือ ‘โอกาส’และ ‘คอนเน็กชั่น’เพราะเป็นพี่คนโต มีหน้าที่ดูแลน้องๆ 7 คน ทั้งยังต้องช่วยหารายได้เลี้ยงครอบครัวด้วยการเป็นเด็กเดินส่ง ไก่ยาง น้ำแดง โอเลี้ยง เป็นเสบียงอาหารคนนั่งรถไฟ
“ดูแลที่บ้านจนอายุ 30 กว่าๆ น้องโตกันหมดแล้วดูแลช่วยดูแลครอบครัวได้แล้ว ถึงเข้ามากทม. เข้ามาก็ทำงานเป็นกรรมกร แบกปูน แบกทราย ก่อสร้างห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวฝั่งโรงเรียนหอวัง”
โฆษณาออโรร่า
โฆษณาออโรร่า
เปิดฉากคนโฉดที่ทุกคนต้องการ
“มันเป็นเรื่องบังเอิญตอนนั้นแบกปูนเหนื่อยช่วงพักเที่ยงเราไปเดินเล่นตากแอร์หลบร้อนในห้าง พวกน้องๆ พี่ๆ นักแสดงสมทบเขาก็มาเดินเล่น เห็นหน้ากันทุกวันบ่อยเข้าก็ยิ้ม นานเข้าก็พูดคุยอยู่ไหน ทำอะไร เขาก็ถามอยากเล่นหนังละครไหม พอบอกว่าอยาก ก็พาเราไป” อัมพรเผย
ปฐมบทงานแสดงครั้งแรกคือเรื่อง ‘พระเพื่อนพระแพง’ซึ่งเป็นละครเปิดสถานีของทางช่อง 11 โดยรับบทเป็น ‘นายบ้าน’(คำเรียกผู้ใหญ่บ้านในปัจจุบัน) พ่อที่ต้องสู้รบปรบมือกับเหล่าอำมาสและเสนา ที่จะมานำตัวลูกสาวไปถวายเป็นนางสนม ซึ่งแม้ว่าบทบาทไม่เด่นมาก แต่ด้วยแอคติ้งที่ติดตัวในการเล่นแสดงจำลองกับเพื่อนๆ ส่งให้การแสดงออกเป็นไปอย่างธรรมชาติจนผู้กำกับถึงกับเอ่ยปากชมเปาะว่าเล่นเหมือนมืออาชีพ
“ที่ยากในตอนนั้นคือการเดินเข้าจุดมาร์คและมุมกล้องซ้ายหรือขวา แต่พอผิดเทค1-2ครั้งก็ไม่มีปัญหาเพราะรู้แล้ว”
หลังจากละครเรื่องแรกจบ เรื่องต่อไปก็มีมาทันที ทำให้อัมพรมีคิวถ่ายละคร 1-2 เรื่องต่อเดือนเลยทีเดียว และนั้นทำให้เขาได้มีโอกาสชิมรางในบทบาทที่หลากหลาย ความสามารถของเขาทั้งขี่ม้าก็ได้ ยิงปืนก็ดี เผชิญเอฟเฟกต์ไม่มีหวั่น และเมื่อรวมกับคาแรคเตอร์หน้าตาที่ดูโหด บทเด่นในละครกว่า 200 เรื่อง ที่ถือเป็นโลโก้ประจำตัวเลยจึง คือ ‘ดาวร้าย’ อย่าง โจร มือปืน คนร้ายฉุดผู้หญิงไปข่มขืน
“พี่ดามพ์ ดัสกร ยังบอกหน้าโหดกว่าแก ผมก็ดีใจ แต่ที่ดีใจที่สุดคือ บางเรื่องมีเรา 1 ฉาก 2 ฉากชาวบ้านจำได้ แม่ค้านี้ด่ากันทั้งตลาด เพราะตรงกับความตั้งใจ เราอยากเป็นนักแสดงเพราะอยากแสดง ไม่ได้สนใจว่าอยากเป็นนักแสดงเพราะต้องการเป็นพระเอก ผมเล่นบทอะไรก็ได้”
หนังสั้นจาก SalmonHouseSkit
งานระดับฮอลลีวูดเพียบ
ไม่ใช่แค่หนังหรือละครไทยที่อัมพรมักถูกให้เสริมความเข้มข้นและสร้างสีสัน ระดับหนังต่างประเทศอย่างฮอลลีวูดและจีนเองเขาก็ผ่านมาแล้ว
โดยล่าสุดเมื่อ 2 ปี ที่แล้วเล่นกับนักแสดงดังอย่าง ‘เจสัน สเตแธม’ เรื่อง โคตรเพชฌฆาต แค้นข้ามโลก (Mechanic: Resurrection) รับบทเป็นผู้คุมคุก เข้าฉากตอนรายงานตัวเข้าคุกโดยยืนถือกระบองคุมเชิงให้พระเอกดังอยู่ในกฎระเบียบ
“เราถูกเรียกไปแคสร่วมกับคน 100 กว่า แล้วเขาก็เลือกเรา” เขากล่าวด้วยรอยยิ้มที่ทั้งความตั้งใจทำงานมาตรงต่อเวลาและซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ๆ ได้รับ ออกดอกผลผลิตเป็นที่ยอมรับ
“นอกจากการเล่นเลียนแบบหนังในวัยเด็กช่วยให้มีทักษะ สิ่งที่ศึกษาเพิ่มเป็นแบบครูพักลักจำเวลาที่ดาราคนอื่นๆ เข้าฉาก จะไม่ไปยืนคุยหรือพักแต่จะยืนดูการแสดงเขาและนำมาปรับใช้ ส่วนนอกกองเวลาว่างก็จะไปหาหนังดู ที่ดูหลักๆ ก็ไอดอล 3 คน ที่ทำให้เราชอบการแสดง เพื่อให้การแสดงแต่ละบทดีที่สุด เราต้องการทำให้ดีที่สุด”
และซึ่งด้วยทัศนคติแบบนี้ทำให้อัมพรได้ร่วมงานกับภาพยนตร์ระดับโลกมาแล้วกว่า 10 เรื่องด้วยกัน
ผลงานหนังเรื่อง "โคตรเพชฌฆาต แค้นข้ามโลก"
ผลงานหนังเรื่อง "โคตรเพชฌฆาต แค้นข้ามโลก"
สูงสุดคืนสู่สามัญ
“สำคัญมันอยู่ที่กล้าแสดงออกและใจรักหรือเปล่า ถ้ากองนัดตี 5 นัด 6 โมงเช้า คนไม่อดทน ไม่รักจริง ไปครั้งเดียวมันก็ไม่ไปแล้ว บ่นเมื่อไหร่จะถ่าย จะเลิก มันก็สำเร็จอยาก”อัมพรให้คำแนะนำแก่คนที่อยากจะประสบความสำเร็จในการล่าฝันได้ทำในสิ่งที่รัก อย่างตัวเขาที่ใครเล่าจะคิดว่าเด็กบ้านนอกคอกนาคนหนึ่งจะได้ออกทีวีอย่างที่ตั้งใจ
นักแสดงสมทบระดับตำนานเมืองไทยบอกว่า เริ่มจากตัวเราเอง ไม่ใช่โชคชะตา ยิ่งคนรุ่นมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ง่ายและไว เพราะโลกเปิดกว้างต่างจากสมัยก่อนที่โรงเรียนสอนเรื่องต่างๆ มีไม่เยอะ เพียงแค่เราไปเรียนแล้วทำ ถ้ายังไม่ได้เรียนอย่างเดียวไม่พอ ก็ศึกษาด้วยตัวเองเพิ่ม
“ทำให้ดีที่สุดและมีความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ตัวเอง ใช้ได้ไม่เสื่อมคลาย” เขากล่าวทิ้งท้ายข้อคิดที่สามารถนำไปปรับใช้ไม่เพียงทางด้านงานการแสดง แต่นำไปปรับใช้ได้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับปรารถนาฝันของแต่ละคนคิดจะเป็นในวันนี้ พรุ่งนี้ ปีนี้