posttoday

พรรคร่วมรัฐบาลจัดสัมมนารับศึกซักฟอก

13 กุมภาพันธ์ 2564

"วิรัช"ประธานวิปรัฐบาล นัดส.ส.พรรคร่วมฯ เตรียมพร้อมรับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล เชิญ วิษณุให้ความรู้ตอบข้อซักถาม

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ได้นัดสัมมนา ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลที่จะมีขึ้นในวันที่ 16-19 กุมภาพันธ์นี้ ที่โรงแรมมาริออท สุขุมวิท โดยงานสัมมนาจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์นี้ โดยใช้ชื่องานว่า “สามัคคีรวมใจ ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล” ซึ่งได้มีการเชิญรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี หารือ ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ และพรรคการเมืองขนาดเล็ก เข้าร่วม อาทิ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ นายไพบูลย์ นิติตะวัน และนายสิระ เจนจาคะ และได้มีการเชิญนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มาเป็นวิทยากรพิเศษให้ความรู้ตอบข้อซักถาม ส.ส.

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวก่อนสัมมนา ว่า เป็นเรื่องปกติของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะมีการหารือถึงประเด็นต่างๆ ที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ไม่ได้ห่วงหรือกังวลในเรื่องใดเป็นพิเศษ และไม่ได้มีการตั้งองครักษ์พิทักษ์ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพราะยังไม่พบว่ามีประเด็นใดที่เกี่ยวข้องกับการทำงานและเป็นปัญหาที่ฝ่ายค้านจะนำหยิบยกไปโจมตีได้ ส่วนกระแสข่าวที่จะมี ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ โหวตลงมติให้กับรัฐมนตรีบางคนนั้น มั่นใจ พักเป็นเอกภาพ การลงมติจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันและเชื่อว่าทุกคนจะได้คะแนนเท่ากัน รวมถึงไม่มีความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่บรรยากาศการประชุมที่ ส.ส. บางคนประกาศตัวจะประท้วงหากมีการพาดพิงถึงสถาบัน ถือว่าเป็นเรื่องของ ส.ส. แต่ละคนที่รู้หน้าที่รู้กฎเกณฑ์กติกา เนื้อหาของการประชุมสภา สิ่งใดทำได้หรือไม่ได้ หรือหากอภิปรายในประเด็นใดแล้ว อาจทำให้การประชุมต้องสะดุดลง ซึ่งทั้งหมดประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน และหากเวลาการอภิปรายของฝ่ายค้านไม่พอเนื่องจากมีการประท้วงกันก็เป็นเรื่องที่จะต้องมาหารือกันในภายหลังอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มียังไม่มีสัญญาณใดๆ จากนายกรัฐมนตรี ที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหลังการอภิปรายไว้วางใจเสร็จสิ้น

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มั่นใจว่า จะสามารถตอบข้อซักถามและข้อกล่าวหาของพรรคฝ่ายค้านที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ และส่วนตัวไม่มีประเด็นใดที่ต้องวิตกกังวล โดยเฉพาะข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการปลุกปั่นยุยงให้เกิดความแตกแยกกับผู้เห็นต่างทางการเมือง ซึ่งประเด็นนี้ตนขอชี้แจงว่าเกิดเป็นคนไทยได้รับการปลูกฝังตั้งแต่เด็กว่าให้รักชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์ เชื่อว่าคนไทยหลายคนก็คิดเหมือนตน ดังนั้นแม้จะมีการชุมนุมของกลุ่มคนที่เห็นต่างแต่ก็ควรที่จะต้องรับฟังเสียงของคนไทยในประเทศด้วย และที่มีกระแสข่าวว่ามีข้อสอบของฝ่ายค้านรั่ว ยืนยันตั้งแต่มีเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนไม่ได้พบหรือพูดคุยกับ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน แม้จะรู้จักกันเป็นการส่วนตัว ดังนั้นอยากให้ทุกคนทำหน้าที่ของแต่ละฝ่ายอย่างเต็มที่และขอให้นำความจริงมาพูดในสภา

ด้านนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่าวอร์รูมนอกสภาของตนจะใช้ห้องกรรมาธิการการยุติธรรม สภาผู้แทนราษฎร เป็นที่ทำการ เพื่อติดตามการทำงานและการอภิปรายในสภา ย้ำว่าหากมีการอภิปรายพาดพิงสถาบันไม่ว่าประเด็นใด ทีมกฎหมายจะดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ทันที ไม่ต้องรอให้การอภิปรายเสร็จสิ้น

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานครพรรคพลังประชารัฐกล่าวว่า หากมีการอภิปรายที่พาดพิงสถาบัน ตนจะลุกขึ้นประท้วงจนทำให้ฝ่ายค้านไม่สามารถอภิปรายต่อได้ ดังนั้นตนขอเตือนผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านทุกคน อย่าพูดในเรื่องไม่เหมาะสม ส่วนการยื่นตรวจสอบคุณสมบัติและสถานะของนายการุณ โหสกุล ส.ส. พรรคเพื่อไทย นายสิระ มั่นใจว่า จากข้อมูลที่ได้รับนายการุณ เคยถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาให้มีความผิดจากการทุจริตเลือกตั้ง และนายการุณ ได้รับโทษไปแล้ว แต่รัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 98 ได้กำหนดคุณสมบัติต้องห้ามผู้ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งจะต้องไม่ถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้ง ดังนั้นจึงมั่นใจว่านายการุณ ขาดคุณสมบัติแน่นอน ซึ่งตนจะไปพูดคุยกับกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เพื่อส่งภรรยาลงเลือกตั้งซ่อมในเขตของนายการุณ และขณะนี้เริ่มหาเสียงแล้ว

ขณะที่นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรีพรรคประชาธิปัตย์ และรองโฆษกพรรค กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อมที่จะทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาลในการให้ข้อมูลกับรัฐมนตรีชี้แจงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านแต่มีความเป็นห่วงเช่นเดียวกับพรรคการเมืองอื่นๆ ว่า ฝ่ายค้านจะมีการหยิบยกนำประเด็นมาตรา 112 มาอภิปรายซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะต้องสะดุดลง เนื่องจากมีผู้ประท้วง จึงขอให้ ส.ส.ทุกคนยึดการทำงานระเบียบข้อบังคับการประชุมเป็นสำคัญ เพื่อให้การอภิปรายเป็นไปอย่างราบรื่น ส่วนการลงมติ มั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความเป็นเอกภาพ การลงมติจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันและไม่เกิดปัญหา