posttoday

จับตาท่าที ณัฐวุฒิ หลังจตุพรจี้เคลียร์ปมเงินบริจาค42ล้าน แดงชุมนุมปี53

09 ตุลาคม 2567

จับตาท่าที ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไขปมเงินบริจาค 42ล้านบาท หลัง จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำหลอมรวมประชาชน อดีตประธาน นชป.ชี้ ที่ปรึกษาของนายกฯและอดีตแกนนำนปช.เป็นผู้รับผิดชอบทางการเงินแต่ไม่เคยรายงานใช้จ่ายอะไรบ้าง

เมื่อวันที่ 9 ต.ค.67 ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เพื่อขอคำชี้แจง หลังจากที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก "Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์" ระบุว่า นายณัฐวุฒิ ” เป็นแกนนำ นปช.มีหน้าที่ดูแลเงินบริจาคม็อบปี 52-53 ส่วนมีใครอมเงิน 42 ล้านหรือไม่ ควรออกมาอธิบายข้อเท็จจริง ให้พวกติ่งพรรคเพื่อไทยหยุดพฤติกรรมก่อกวนใส่ร้าย 

นายจตุพร ยืนยันว่าตัวเองและนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีต ประธาน นปช. ไม่ได้ดูแลเรื่องเงิน แต่ตลอดช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมายังถูกยัดข้อหา กล่าวร้าย ดังนั้น นายณัฐวุฒิ ต้องออกมาชี้แจงเรื่องเงินบริจาค 42 ล้านบาทเพราะการชุมนุมเมื่อปี 2552 ต่อเนื่องปี 2553 นายณัฐวุฒิ รับผิดชอบทางการเงิน และหลังการชุมนุม นายณัฐวุฒิก็ไม่เคยมารายงานว่าใช้จ่ายเรื่องอะไรบ้างตนเองกับนายวีระกานต์ไม่เคยไปสอบถาม ข้อเท็จจริงมีอยู่เท่านี้ 
 

นายณัฐวุฒิ ปรากฎความเคลื่อนไหวทางการเมือง ผ่านสื่อมวลชน หลังไปออกรายการข่าวของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งเมื่อวานนี้ (8ตุลาคม2567) หลังจากมีคำสั่งอย่างเป็นทางการของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาโดยยืนยันว่า ไม่ใช่มาเป็นที่ปรึกษาเพื่อเจรจากับกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหว ต่อต้านการบริหารราชการแผ่นของนายกฯแพทองธาร ในช่วงเวลานี้ และตลอดเวลาที่ผ่านมาส่วนตัวก็พยายามทุกช่องทางเพื่อคืนความเป็นธรรม
ผ่านร่างแก้ไขพรป.ปปช. เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน ผู้สูญเสียชีวิตจากกระทำโดยรัฐ หากผลักดันสำเร็จก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ใช่แต่เฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดง ในเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อปี53 
 
นายณัฐวุฒิ เปิดเผยกับโพสต์ทูเดย์ เมื่อ 8 ตุลาคม 2567 หลังได้รับคำสั่งแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีว่า ตำแหน่งที่ปรึกษาฯอาจไม่ต้องเดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาลทุกวันอังคารที่มีการประชุมครม.ซึ่งก็จะคอยให้คำปรึกษานายกรัฐมนตรีทุกเรื่องหากมีการขอคำปรึกษา ยืนยันว่ายังเป็นผมคนเดิม เพียงแต่สถานการณ์มันเปลี่ยน เงื่อนไขทางการเมืองมันแจ่มชัด ว่าขณะนี้สภาพการณ์ทางการเมืองแม้กระทั่งในพรรคร่วมรัฐบาลเอง ก็มีคลื่นใต้น้ำทางการเมืองอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่พรรคฝ่ายค้านก็ถือเป็นอีกฝ่ายหนึ่งทางการเมือง ซึ่งก็เป็นคู่แข่งขัน คู่ต่อสู้
 

ขณะเดียวกันบางแง่มุมก็อาจยังต้องเป็นเพื่อนร่วมแนวทางกันอยู่ด้วย เมื่อ ณ จุดที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งอย่างผิดความคาดหมายมันก็ไม่อาจจะแน่ใจอะไรได้ว่าเสถียรภาพของรัฐบาลชุดนี้  หรือสถานะของนายกฯแพทองธาร เดินไปข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง