'ทวี'ยินดีให้เวชทะเบียน ทักษิณรักษารพ.ตำรวจ ไม่มีสักนาทีออกจากห้อง
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยินดีให้ข้อมูลป.ป.ช.ปมขอเวชทะเบียนทักษิณ ชินวัตร ลั่นไม่มีสักนาทีออกจากห้องรักษาตัวรพ.ตำรวจ
เมื่อวันที่ 5 พ.ย.67 ที่ทำเนียบรัฐบาล พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรียกขอเวชระเบียน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ รักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ถึง 3 ครั้ง แต่กลับไม่ได้รับ ว่า เรายินดี และยืนยันว่าเราปฏิบัติตามกฎหมาย สังคมอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากในเรือนจำมี 3 ความเข้าใจคือ1. เรือนจำเลย2. ในโรงพยาบาล 3.ที่คุมขังอื่น
อันนี้อยู่ใน กฎหมาย และกฎหมายดังกล่าวถูกแก้ในสมัยรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ซึ่งเป้าหมายเพื่อต้องการลดความแออัด แต่ไม่ว่าอยู่ที่ใดเราจะปฏิบัติเหมือนกับอยู่ในเรือนจำ
ดังนั้น จึงเชื่อว่า ทางเรือนจำจะส่ง หลักฐานในกรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไปให้ ซึ่งไม่มีสักนาทีที่นายทักษิณออกจากห้องรักษาตัว เช่นเดียวกับนักโทษทั่วไปที่ออกไปรักษาตัวที่ โรงพยาบาลอื่นๆเช่นกัน ทั้งไปกลับและข้างคืน
พันตำรวจเอกทวี ยืนยันว่า ยินดีจะให้ข้อมูล แม้แต่กรณีที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนทำหนังสือมา และผู้ตรวจการแผ่นดินมีคำวินิจฉัย เรื่องเดียวกันผู้เสียหายคนเดียวกัน แต่ผู้ตรวจการแผ่นดินบอกว่าไม่มีความผิด แต่คณะกรรมการสิทธิมนุษชนมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิ ในทางกฎหมายถ้าหน่วยงานอิสระ รับไว้ตรวจสอบ อีกองค์กรหนึ่ง ไม่ควรจะมีความเห็นต่างกันมันอยู่ในเอกสาร แต่อย่างไรเราก็จะให้ความร่วมมือและพร้อมจะชี้แจง
เมื่อถามว่าความเห็นที่ไม่ตรงกันระหว่าง 2 หน่วยงาน จะทำให้ได้เปรียบในการชี้แจงหรือไม่ พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินสอบละเอียด แต่กรรมการสิทธิฯไม่ได้สอบ ผู้ตรวจการแผ่นดินสอบเพียงพยาน และตามรายงานก็ได้เข้าไปพบนายทักษิณด้วย
เมื่อถามว่าการอนุญาตให้เข้าเยี่ยม ถือว่าอยู่ในอำนาจของกรมราชทัณฑ์หรือไม่ พันตำรวจเอกทวีระบุว่า การเยี่ยมอยู่ในระเบียบของการเยี่ยม เราชี้แจงไปแล้ว แต่ก็สามารถขอหลักฐานได้ การพูดของคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้แต่เรื่องหลักฐานนั้นสำคัญ ยืนยันว่าปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ เราจะไม่ทำอะไรนอกเหนือกฎหมาย
เมื่อถามว่าได้รับรายงานว่า พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าเยี่ยมนายทักษิณหรือไม่ พันตำรวจเอกทวี ระบุว่า ไม่ได้รับรายงาน และเรื่องนี้เป็นเรื่องของกรมราชทัณฑ์