'สนธิญา'ยื่นกกต.ปลดทนายตั้มพ้นบัญชีสว.สำรองปมถูกจับคดีฉ้อโกงพี่อ้อย
"สนธิญา สวัสดี" ยื่นคำร้อง กกต.ปลด 'ทนายตั้ม' พ้นบัญชีสำรอง สว. จี้สอบ 'นันทนา' ปมเคยมอบโล่ความดีให้ทนายดังขณะที่"ทนายสายหยุด แจงขอกองปราบเรียกพยานคนกลางสอบเพิ่ม ไม่ได้ประวิงเวลาทุกคนยินดีให้ข้อมูล
เมื่อวันที่ 11 พ.ย.67 นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือตั้ง(กกต.) ขอให้ถอนชื่อ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา คดีฉ้อโกง พี่อ้อย นางจตุพร อุบลเลิศ เศรษฐีนีหมื่นล้าน จากปมเงิน71ล้านบาท พ้นจากรายชื่อสำรองของ สว.
นอกจากนี้ขอให้กกต.ตรวจสอบความเป็น สว. ของน.ส.นันทนา นันทวโรภาส ที่เคยมอบโล่ศิษย์เก่าดีเด่นของวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก ให้กับนายษิทราเมื่อ12 มี.ค.2561
นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของ นายษิทรา เปิดเผยว่า วันนี้จะเข้าเยี่ยมทนายตั้มและภรรยาในช่วงบ่าย เพื่อพูดคุยเรื่องความเป็นอยู่ว่าต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ รวมถึงจะฝากเงินเข้าบัญชีให้ไว้ใช้จ่าย รวมถึงพูดให้กำลังใจว่ากำลังหาทางประกันตัวภรรยาทนายตั้มแต่คงไม่ได้คุยเรื่องการสู้คดี เพราะมันไม่ส่วนตัว คงจะรอให้ผ่านพ้น 5 วันแรกของการอยู่แดนกักโรคไปก่อน พอพ้นการกักโรคสามารถนั่งตรงข้ามดันได้ค่อยคุยถึงแนวทางการต่อสู้คดี
เมื่อถามว่า หากพ้นกักโรคแล้วแยกแดน ทนายตั้มกังวลจะเจอคู่กรณีในเรือนจำหรือไม่ นายสายหยุด กล่าวว่า ไม่มีโจทก์แน่นอน เรือนจำมีวิธีป้องกันอยู่แล้ว เป็นเรือนจำรุ่นใหม่ มีการแยกแดน มีผู้คุมดูแล ตนเองเข้าไปเยี่ยมลูกความคนอื่นก็ไม่มีทะเลาะอะไรกัน
ส่วนประเด็นที่ทนายจะหาพยานคนกลางที่เป็นผู้เชี่ยวชาญมาให้สอบเพิ่ม แต่กองปราบมองว่าจะเป็นการประวิงเวลา
นายสายหยุด กล่าวว่า คดีมีกรอบเวลากฎหมายอยู่แล้ว พนักงานสอบสวนก็ต้องทำให้ครบ 6 ฝาก 72 วัน ที่จะต้องส่งสำนวน และนี่เพิ่งจะฝากขังครั้งแรก อีกทั้งพนักงานสอบสวนก็บอกเองว่าเหลือสอบพยานฝั่งผู้กล่าวหาอีกหลายปากจึงมองว่าไม่เป็นการประวิงเวลา
สำหรับผู้เชี่ยวชาญที่จะนำมาเป็นพยานต้องดูด้วยว่าหน่วยงานไหนที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาของทนายตั้ม ถ้าเป็นหน่วยงานราชการก็ต้องให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกมา แต่หากไม่ใช่หน่วยงานราชการตนก็จะประสานขอความร่วมมือมาให้ปากคำ ซึ่งพยานทุกคนจะต้องสมัครใจที่จะให้ข้อมูล