ฉลุย! ครม.ผ่านร่างกม.สถานบันเทิงครบวงจรส่งกฤษฎีกาตรวจก่อนเข้าสภา
มติครม.นายกฯอิ๊งค์ผ่านร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ส่งกฤษฎีกาตรวจอีกรอบหลังยันเป็นความเห็นไม่ได้ขัดขวางก่อนเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯต่อไป
เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า มติที่ประชุมครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร โดยขั้นตอนจากนี้จะส่งร่างพ.ร.บ.ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบอีกครั้ง ก่อนส่งเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า เลขาธิการกฤษฎีกาได้กล่าวในที่ประชุมครม.ยืนยันด้วยว่าความเห็นของกฤษฎีกาที่ออกมาไม่ได้ขวางการดำเนินนโยบาย แต่ต้องทำข้อกฎหมายข้างในร่างพ.ร.บ.ให้มีความชัดเจนรัดกุมมากขึ้น
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงข้อท้วงติงจากคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.การประกอบกิจการสถานบันเทิงครบวงจร ว่า หลังจากกระทรวงการคลังได้หารือ เหตุผล ความจำเป็นเป็นอย่างไร ซึ่งมีเหตุผลและความจำเป็นเพื่อแข่งขันกับประเทศอื่น แต่สิ่งที่ต้องไปกำกับอย่างประเทศอื่นที่มีเกมรูม หรือความสนุกสนาน ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนน้อย แต่รายได้มาจากส่วนอื่นมากกว่า ส่วนใหญ่จะเป็นพวกโรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียง และหาก สถานที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมก็จะเกิดการจ้างงาน
เมื่อถามว่านอกจากกฤษฎีกาที่ไม่เห็นด้วยแล้วมีหน่วยงานอื่นอีกหรือไม่ นายพิชัยระบุว่า ไม่มีใครที่ไม่เห็นด้วยในเชิงของหลักการ เกือบจะ 90% ที่เห็นด้วยทั้งหมด แต่ทุกคนมีข้อสังเกตที่ตรงกับลักษณะงานที่ตัวเองดูแลอยู่ อย่างเรื่องกาสิโน ที่กลัวคนไทยและเด็กอายุไม่ถึง 20 ปี เข้าไปเล่น ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงต้องรับไว้ ว่าจะต้องกำกับอย่างไร ซึ่งรัฐบาลไม่ได้สนับสนุนเพราะสิ่งที่รัฐบาลต้องการคืออยากให้ต่างประเทศเข้ามาใช้เงินมากกว่า
ส่วนสาเหตุที่ไม่ไปแก้ไขกฎหมายการพนันโดยตรง ยืนยันได้ว่าไม่ได้เอาการท่องเที่ยวมาบังหน้า แต่หลายๆ อย่างเป็นเรื่องของการเอนเตอร์เทนเม้นต์ และรายได้ที่มาจากคาสิโนเป็นส่วนน้อย
พร้อมยกตัวอย่างห้างสรรพสินค้าหนึ่งห้าง ที่ทุกวันนี้คนไปเดินห้างไม่ได้ไปซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว เพราะทุกคนมีการปรับตัวหมด ในห้างสรรพสินค้ามีบริการที่หลากหลาย แต่เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์คือภาพขนาดใหญ่ ต้องดูแลองค์ประกอบให้ไปในทิศทางเดียวกันด้วย จึงต้องออกกฏหมายมากำกับดูแล
พร้อมย้ำว่ากฎหมายเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ของกระทรวงการคลังและกฎหมายการพนันออนไลน์ ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำลังจะศึกษาเป็นคนละเรื่องกัน
- กฤษฎีกาไม่ได้ค้านแต่ตั้งข้อสังเกต
ด้านนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาคณะกรรมการกฤษฎีกากล่าวว่า ไม่ได้ ไม่เห็นด้วย แต่หลักในการทำกฎหมายของรัฐบาล จะต้องยึดนโยบายของรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งจะต้องไปดูคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยจะไปดู Man -made destination หรือแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น จะมีตั้งแต่สวนสนุกอื่นๆ และ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เข้าไปอยู่ในนั้น แต่ กฎหมายที่กระทรวงการคลังร่างขึ้น ใช้ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ ในสภาผู้แทนราษฎรเป็นหลัก ซึ่งพูดถึงเฉพาะเรื่องของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และการแก้ไขปัญหาการพนัน ฉะนั้นจึงแคบกว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องการ คณะกรรมการกฤษฎีกา จึงมีความเห็นว่า นโยบายของรัฐบาลกว้างกว่า ดังนั้นถ้าจะเป็น Man -made destination ควรจะเขียนให้กว้างขึ้นเพื่อความครอบคลุม
รวมถึงมีข้อสังเกตเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ในรายงานศึกษาของสภาผู้แทนฯ ที่มุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาการพนัน แต่กฤษฎีกา มองว่าการสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ได้แก้ไขปัญหาการพนันโดยตรง ถ้าอยากแก้ไขปัญหาการพนันโดยตรงต้องไปแก้ไขที่อื่น เช่น นิสัยของคน พฤติกรรมของคนที่ชอบเล่นการพนัน ซึ่งก็มีกฎหมายการพนันอยู่แล้ว จึงต้องเอาให้ชัดว่าร่างกฎหมายนี้ต้องการบรรลุวัตถุประสงค์อะไร ค่อยเสนอคณะรัฐมนตรีให้พิจารณา ว่าจะเน้นMan -made destination หรือจะเน้นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่อย่างนั้นก็ร่างไม่ถูก เพราะกระบวนการกลไกต่างกัน
นายปกรณ์ ยังระบุอีกว่า ถ้าเป็นเน้นMan -made destination จะเป็นเหมือนรีสอร์ทขนาดใหญ่ มีทั้งสนามกอล์ฟ สถานบันเทิง เหมือนที่เจอในต่างประเทศ มีที่พักสำหรับครอบครัว และมีกิจกรรมของแต่ละคน มีสวนสนุกและสวนน้ำสำหรับเด็ก สุภาพสตรีมีศูนย์การค้า ขณะที่ผู้ชายจะมีกีฬา ในส่วนของการพนันมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าต้องการเช่นนี้จริงๆ ต้องขยายขอบของกฎหมายให้ครอบคลุม จึงเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีขอให้เอาให้ชัดก่อน พร้อมยืนยันว่าไม่ได้กระโดดขวาง เหมือนที่สื่อบางสำนักพาดหัวไว้ จะย้ายผมหรือครับ
เมื่อถามว่าในกรณีที่ขัดกับนโยบายของรัฐบาลจะถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ นายปกรณ์ อธิบายว่า เรื่องนี้ไม่ถือว่าขัด เพราะ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อยู่ด้านใน เพียงแต่ว่าเล็กนิดเดียว แต่เป้าหมายของรัฐบาลที่จะทำ หากเป็นMan -made destinationที่จะเป็นการดึงดูดการท่องเที่ยว ก็อยู่ในนโยบายที่เห็นชัดเจน