'วิสุทธิ์'จี้ฝ่ายค้านต้องถอนชื่อทักษิณจากญัตติศึกซักฟอกรัฐบาล
วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล ย้ำฝ่ายค้านต้องถอนชื่อ ทักษิณ ชินวิตร ออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากไม่ดำเนินการอาจทำให้ศึกซักฟอกรัฐบาลไม่ทันกรอบเวลาสมัยประชุมสามัญ 10เมษายน 68 ถือเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายค้านไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล
ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวภายหลังนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีหนังสือให้ฝ่ายค้านแก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยให้ลบชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีออกจากญัตติว่า ฝ่ายค้านจำเป็นต้องแก้ไขญัตติตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้วินิจฉัยไว้ มิฉะนั้นจะไม่สามารถบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมได้
นายวิสุทธิ์ระบุว่า ตนรอให้ประธานสภาฯ บรรจุระเบียบวาระเพื่อกำหนดกรอบวันเวลาในการอภิปราย แต่หากฝ่ายค้านไม่ดำเนินการแก้ไข ก็ไม่มีความจำเป็นต้องหารือเพิ่มเติม พร้อมยืนยันว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากรัฐบาล แต่เป็นเรื่องระหว่างฝ่ายค้านกับประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งต้องเจรจากันเอง
กรณีนี้ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่ฝ่ายค้านต้องการอภิปรายบุคคลภายนอก ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และไม่ควรสร้างแบบอย่างที่ผิดพลาด โดยยกตัวอย่างกรณีในปี 2545 ที่นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร เคยท้วงติงญัตติของนายชวน หลีกภัย ซึ่งแม้เจ้าตัวจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ยอมแก้ไขเพื่อให้การอภิปรายดำเนินไปอย่างราบรื่น
ประเด็นที่นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) เปิดเผยเอกสารที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เคยเสนอขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งมีการระบุชื่อบริษัทเอกชนในญัตติ นายวิสุทธิ์ชี้แจงว่า ญัตติในกรรมาธิการกับญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นคนละประเด็นกัน ไม่สามารถนำมาปะปนกันได้ และฝ่ายกฎหมายของสภาได้พิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบแล้ว
ทั้งนี้ นายวิสุทธิ์ยืนยันว่าการตีกลับญัตติไม่ใช่การเตะถ่วงฝ่ายค้านไม่ให้มีการอภิปราย เนื่องจากไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของฝ่ายค้านเอง และตั้งข้อสังเกตว่าฝ่ายค้านต้องการอภิปรายจริงหรือไม่ หรือเพียงต้องการให้เกิดความล่าช้า เพราะหากไม่แก้ไขก็ไม่สามารถดำเนินการอภิปรายได้ พร้อมแนะนำให้ฝ่ายค้านปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของประธานสภาผู้แทนราษฎร
ในกรณีที่มีข้อกล่าวหาว่าเป็นความพยายามปกป้องนายทักษิณ นายวิสุทธิ์ปฏิเสธ โดยระบุว่าเป็นเรื่องของระเบียบและขั้นตอนตามกฎหมาย รัฐบาลพร้อมรับมือกับการอภิปรายอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องการให้ดำเนินการให้ถูกต้อง พรรคเพื่อไทยไม่ได้ล็อบบี้ให้ประธานสภาฯ ตัดสินใจเช่นนี้ และหากฝ่ายค้านไม่พอใจสามารถฟ้องร้องประธานสภาผู้แทนราษฎรได้
อย่างไรก็ดี หากฝ่ายค้านยังไม่ดำเนินการแก้ไขญัตติภายในสัปดาห์นี้ อาจส่งผลให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ทันกรอบเวลาสมัยประชุมสามัญ ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 10 เมษายนนี้ โดยนายวิสุทธิ์มองว่าหากไม่สามารถอภิปรายได้ จะเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายค้านเอง ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลแต่อย่างใด