'ไพรมารีโหวต'เกมดันนิคม 'นั่ง' ประธานวุฒิฯ

20 เมษายน 2554

แก้เกมด้วยการงัด “ไพรมารีโหวต” มาหยั่งเสียงกันเองในกลุ่ม สว.เลือกตั้ง ก่อนส่งชิง “เก้าอี้” ประธานวุฒิสภา

แก้เกมด้วยการงัด “ไพรมารีโหวต” มาหยั่งเสียงกันเองในกลุ่ม สว.เลือกตั้ง ก่อนส่งชิง “เก้าอี้” ประธานวุฒิสภา

โดย...ทีมข่าวการเมือง

แก้เกมด้วยการงัด “ไพรมารีโหวต” มาหยั่งเสียงกันเองในกลุ่ม สว.เลือกตั้ง ก่อนส่งชิง “เก้าอี้” ประธานวุฒิสภา เพียงชื่อเดียว เพื่อป้องกันปัญหาเสียงแตกที่อาจพลาดพลั้งให้ตาอยู่จาก สว.ฝั่งสรรหา ที่ซุ่มเงียบ จะคว้าเก้าอี้นี้

ลงตัวเบื้องต้นที่ “นิคม ไวยรัชพานิช” สว.ฉะเชิงเทรา รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ด้วยคะแนน 37 เสียง ทิ้งห่าง “ดิเรก ถึงฝั่ง” สว.นนทบุรี ที่ได้ 28 เสียง “กฤช อาทิตย์แก้ว” สว.กำแพงเพชร 6 เสียง และบัตรเสีย 1 ใบ ชัดเจนว่า การประกาศตัวลงชิงเก้าอี้ประธานสภาสูงของ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร สว.สรรหา ป้ายแดง สร้างความหวั่นไหวให้กับ สว.เลือกตั้งไม่น้อย ถึงขั้นยอมตัดตัวเลือกกันเองก่อนลงสนามใหญ่

\'ไพรมารีโหวต\'เกมดันนิคม \'นั่ง\' ประธานวุฒิฯ

ก่อนหน้านี้ “นิคม” และ “ดิเรก” ต่างเสียงแข็งเดินหน้าชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาแบบไม่มีหลีกทางให้กัน ด้วยมั่นใจในฐานเสียงของตัวเองที่มีทั้งในฟากฝั่ง สว.เลือกตั้ง และ สว.สรรหา ที่ไม่สามารถหาทางออกร่วมกันได้ จนหวังจะใช้เสียงโหวตเป็นตัวตัดสิน

แต่ระยะหลัง “พล.อ.ธีรเดช” เริ่มติดกระแสลมบนทั้งในฐานะอดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยเฉพาะได้แรงหนุนจาก สว.สรรหา ที่ผนึกกำลังกันได้รวดเร็ว

ทิศทางลมเช่นนี้ พล.ต.อ.โกวิท ภักดีภูมิ สว.อ่างทอง ในฐานะผู้หลักผู้ใหญ่ฟากเลือกตั้ง เห็นท่าไม่ดี เพราะขืนปล่อยไปตามสภาพนี้ เก้าอี้ประธานวุฒิฯ ยังอาจอยู่ฝั่ง สว.สรรหา

สุดท้ายคนกลางอย่าง พล.ต.อ.โกวิท ต้องออกโรงสร้างเอกภาพด้วยการลงคะแนนวานนี้ ดึง 75 สว.เลือกตั้งจากทั้งหมด 76 คน ขาดเพียง นส.รสนา โตสิตระกูล สว.กทม. ที่ติดภารกิจต่างประเทศมาร่วมผนึกกำลังดัน “นิคม” สู่ตำแหน่งประธานวุฒิฯ

แน่นอนว่าคะแนนจาก สว.ฝั่งเลือกตั้ง 76 เสียงทั้งหมดคงไม่เทให้กับ “นิคม” อย่างที่ พล.ต.อ.โกวิท ออกมาประกาศความเหนียวแน่น เมื่อสำรวจกลุ่มก๊วนที่อยู่ในฝั่ง สว.เลือกตั้ง ก็ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด ทั้งกลุ่ม 40 สว. เกือบ 10 คน ที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะโหวตให้ใคร หรือกลุ่มกลางๆ ที่ไม่มีฝั่งฝ่ายชัดเจน

ยิ่งท่าทีล่าสุดของ “นิคม” ยืนยันจุดยืนไม่ลาออกจากตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ด้วยเหตุผลเดิมว่าไม่มีระเบียบห้าม ยิ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ สว.หลายคนทั้งจากฝั่งเลือกตั้ง และฝั่งสรรหาต้องคิดหนักกับการโหวตเลือกประธานสภาเที่ยวนี้

ท่ามกลางข้อกังขาเรื่องการผูกขาดตำแหน่งประธาน รองประธาน วุฒิสภา 3 ตำแหน่ง ไว้ที่ฝั่ง สว.เลือกตั้ง อันเนื่องจากการไม่ลาออกของ “นิคม” แทนที่ควรจะลาออกเพื่อเปิดทางให้เกิดความชัดเจนว่า ในการส่งคนลงชิงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1

โดยเฉพาะหลังจาก “ดิเรก” ยอมรับสภาพความพ่ายแพ้ใน “ไพรมารีโหวต” พร้อมเปิดทาง “นิคม” ก้าวสู่ตำแหน่งประธานวุฒิสภา แต่อีกด้านหนึ่งก็ไม่ได้ปิดทางตัวเองสำหรับการลงชิงตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 หาก “นิคม” ขยับขึ้นไปนั่งเก้าอี้ประธาน

“เราเป็นนักกีฬาเมื่อแพ้ก็คือแพ้ ผมได้บอกก่อนหน้านี้ว่า เราทำตรงนี้ให้ดีที่สุด ถ้าบริบทเราแพ้คือจบจะไม่มีปัญหาหรือปฏิกิริยาอะไรทั้งสิ้น”

จับอาการจากการตอบคำถามหลัง สว.เลือกตั้งแถลง “มติ” ดัน “นิคม” ขึ้นตำแหน่งประธาน ทว่ากับตำแหน่งรองประธานคนที่ 1 ยังอ้อมแอ้มว่าจะเปิดให้ สว.สรรหาหรือไม่

แม้ พล.ต.อ.โกวิท ตอบเพียงว่า ยังไม่คุยกัน แต่คิดว่าควรจะเกลี่ยกันไป เพื่อช่วยกันทำงาน ไม่มีกฎเกณฑ์หรือข้อตกลงในเรื่องนี้

แต่เมื่อต้องการคำตอบชัดๆ ว่า สว.เลือกตั้งจะไม่ส่งคนลงชิงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 หากประธานวุฒิสภามาจากสายเลือกตั้งหรือไม่

คำตอบจาก พล.ต.อ.โกวิท ยังแบ่งรับแบ่งสู้ “ขึ้นอยู่กับสมาชิกจะเห็นชอบว่าจะเลือกใคร เราฟังความเห็นส่วนใหญ่ ไม่อยากไปกำหนด จะเป็นสายเลือกตั้งหรือสายสรรหา ไม่มีปัญหา”

แทนที่เส้นทางที่สู่ตำแหน่งประธานวุฒิสภาของ “นิคม” จะปลอดโปร่งโล่งสะดวก หลังได้ “มติ” ของ สว.เลือกตั้งมาเป็นใบเบิกทาง แต่ทว่าการยังกอดเก้าอี้รองประธานฯ ทำให้เส้นทางนี้มีขวากหนามเล็กน้อยด้วยความไม่สบายใจของหลายฝ่าย

แน่นอนว่าการเลือกตั้งประธานวุฒิสภาวันจริง อาจจะมี “แคนดิเดต” ที่ไม่ถูกพูดถึงก้าวลงชิงชัยมากกว่า 2 คน ทั้งฝั่ง สว.เลือกตั้ง และสรรหา

แต่ด้วยจากระเบียบการเลือกประธานวุฒิสภา ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งจะต้องมีคะแนนมากกว่ากึ่งหนึ่งของเสียงที่มีอยู่ ไม่เช่นนั้นจะต้องนำผู้ทีได้คะแนนนำ 2 ลำดับแรกมาแข่งขันกันโดยตรง ซึ่งหมายถึงสุดท้ายก็จะต้องมาชิงดำกันที่ “นิคม” และ “พล.อ.ธีรเดช”

ที่สำคัญคนที่จะชนะการเลือกตั้งจะต้องได้เสียงสนับสนุนจาก สว.ฟากเลือกตั้ง และสรรหา ไม่สามารถหวังคะแนนจากฟากเดียวได้ทั้งหมด

ตัวแปรสำคัญเวลานี้คือกลุ่ม สว.สรรหาหน้าใหม่ที่ยังไม่ประกาศตัวว่าจะหนุนใครหลายสิบคน ไปจนถึงกลุ่ม 40 สว. ที่อยู่เดิมและเพิ่งเข้ามาใหม่อีกจำนวนเกิน 30 คน

หากผนึกกำลังรวมกับกลุ่มอดีตเครือข่ายกองทัพ หรือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เกือบ 20 คน ก็พอจะทำให้กองเชียร์จากสายเลือกตั้งและสรรหาได้ลุ้นกันจนถึงนาทีประกาศคะแนน

Thailand Web Stat