ทบ.เผยเขมรรุกล้ำเขตปลอดทหารก่อน

ผบ.ทบ.ยืนยันพร้อมดูแลทหารที่บาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างเต็มที่ ด้านแม่ทัพภาค 2 เผยกัมพูชาเคลื่อนย้ายกำลังทุกวัน ขณะที่ โฆษก ทบ. แจงเขมรรุกล้ำเขตปลอดทหารแถมยิงใส่ก่อน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวในการประชุมทางไกลร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อติดตามสถานการณ์การปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชาว่า การปฎิบัติการทั้ง 3 วันเป็นไปตามนโยบาย และแผนการใช้กำลัง โดยยังเป็นห่วงอย่างเดียวในเรื่องขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งที่ผ่านมาได้พูดคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชากันอย่างใกล้ชิดและอย่างแน่นแฟ้น โดยกำลังพลที่ปฏิบัติการมี 2 ส่วนคือทหารหลักและทหารพราน

"ในส่วนของครอบครัวทหารที่เสียชีวิตก็อยากฝากว่า สามีของเค้าได้สู้รบอย่างสมศักดิ์ศรี เรื่องดูแลไม่ต้องเป็นห่วง จะดูแลเต็มที่ไม่ว่าจะมีใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต สำหรับผู้ปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็งก็จะพิจารณาความดีความชอบให้ด้วย"ผบ.ทบ.กล่าว

แม่ทัพภาค2เผยเขมรเคลื่อนย้ายกำลังทุกวัน

ด้านพล.ท.ธวัชชัย สมุรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า เหตุปะทะทุกครั้งที่ผ่านมาทางกัมพูชาลงมือยิงมาก่อนทุกครั้ง และทางกัมพูชาก็มีการเคลื่อนย้ายกำลังทุกวัน โดยกระสุนของทางฝั่งกัมพูชามี 7 นัดที่ตกลงมาใน 3 หมู่บ้านใน จ.สุรินทร์ และจ.บุรีรัมย์ เท่าที่ตรวจสอบพบว่าทหารกัมพูชาได้เตรียมอาวุธหนักไว้ปฏิบัติการ

พ.อ.สรรเสริญ

ทั้งนี้ หากมีการขยายพื้นที่ปะทะที่สุรินทร์คงขยายอยู่ 2 จุด ซึ่งติดต่อกับทางทหารกัมพูชาแล้ว และได้รับแจ้งว่าอำนาจตัดสินใจอยู่ที่รัฐบาลกัมพูชา แต่ทางฝ่ายไทยได้เตือนไปแล้ว กำลังพลของฝ่ายไทยขณะนี้มีเพียงพอ คิดว่ายังสามารถรักษาสถานการณ์ได้ ยันยันว่าไม่มีทหารอดอยาก อาหารการกินมีทุกอย่าง เพราะกองทัพจะมีการสะสมอาหารประมาณ 5 วัน

โฆษกทบ.แจงเขมรรุกล้ำเขตปลอดทหารแถมยิงใส่ก่อน

ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ในฐานะที่กองทัพบกเป็นหน่วยงานหลักในการป้องกันอธิปไตยบริเวณตามแนวชายแดนจึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ในพื้นที่ปราสาทตาควาย เป็นพื้นที่ที่ยังไม่มีความชัดเจนของหลักเขตแดน จึงมีข้อตกลงของทหารทั้งสองฝ่ายว่าเป็นเขตปลอดทหาร ซึ่งจะไม่มีทหารของทั้งสองฝ่ายเข้าไปตรึงกำลัง

แต่ปรากฎว่าเมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ปรากฎว่ามีทหารกัมพูชาเข้าไปดัดแปลงทำฐานที่มั่นในบริเวณปราสาทตาควาย ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยได้เข้าไปแจ้งเตือน แต่ฝ่ายกัมพูชากลับยิงมาจึงเป็นจุดเริ่มของเหตุปะทะ ซึ่งไทยจำเป็นต้องตอบโต้กลับไป โดยการตอบโต้ในเบื้องต้นได้ตอบโต้ด้วยกระสุนปืนเล็ก จนมีการพัฒนาเป็นกระสุนปืนใหญ่

"การสูญเสียชีวิตที่เกิดขึ้นเราไม่ต้องการให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดมาจากฝ่ายกัมพูชาได้เป็นฝ่ายเริ่มต้นขึ้นก่อน เพราะหากฝ่ายเราไม่เข้าไปแจ้งเตือนก่อนเหตุการณ์ปะทะ ก็จะทำให้ฝ่ายทางกัมพูชาเข้าไปยึดคุมพื้นที่เหมือนเขาพระวิหาร ดังนั้นการเกิดปัญหาในวันนี้ดีกว่าที่จะทำให้ปัญหานี้บานปลายลุกลาม กลายเป็นปัญหาเรื้อรังไปในอนาคตข้างหน้า"พ.อ.สรรเสริญกล่าว