"เรืองไกร" ยื่น ป.ป.ช. สอบ "วันนอร์" ปมไม่บรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้เปิดเผยว่า ตนได้ดำเนินการส่งหนังสือร้องเรียนถึง ป.ป.ช. ผ่านทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS)
เพื่อขอให้ตรวจสอบพฤติการณ์ของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร
โดยกล่าวหาว่าอาจเข้าข่ายการทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ หรือฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 วรรคหนึ่ง (1)
ทั้งนี้ นายเรืองไกรยังได้ขอให้ ป.ป.ช. พิจารณามีหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้เร่งบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 151 แห่งรัฐธรรมนูญ โดยเร็ว
โดยอ้างว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์ในการทำหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
เหตุผลในการร้องเรียน ป.ป.ช.
นายเรืองไกร อธิบายว่า การร้องเรียนครั้งนี้มีพื้นฐานจากการพิจารณาเอกสารเพียง 3 แผ่น ร่วมกับรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562
และมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ โดยมีประเด็นสำคัญที่นำไปสู่การร้องเรียนดังนี้
1. การเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ: เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ได้ร่วมกันเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป
เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ
2. สภาฯ แจ้งให้แก้ไขญัตติ: ต่อมาในวันที่ 7 มีนาคม 2568 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้มีหนังสือด่วนที่สุด เลขที่ สผ 0014/2559 ถึง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้แทนสมาชิกผู้เสนอญัตติ
โดยอ้างอิงถึงญัตติลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ในหนังสือดังกล่าว สภาฯ แจ้งว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแล้วเห็นว่า การระบุชื่อบุคคลภายนอกในญัตติ
อาจสร้างความเสียหายแก่บุคคลภายนอกที่ไม่สามารถชี้แจงในสภาได้ จึงขอให้แก้ไขญัตติโดยตัดชื่อบุคคลภายนอกออก ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 176
3. โต้แย้งการอ้างข้อบังคับข้อ 176: นายเรืองไกร เห็นว่า การที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรอ้างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 176 เพื่อให้แก้ไขญัตติ
อาจไม่ถูกต้องตามข้อบังคับดังกล่าว เนื่องจากข้อ 176 กำหนดว่า เมื่อประธานสภาฯ ได้รับญัตติแล้ว ให้ตรวจสอบข้อบกพร่องภายใน 7 วัน และแจ้งให้ผู้เสนอทราบ หากญัตติถูกต้อง ให้บรรจุเข้าวาระการประชุมโดยด่วน
4. การตรวจสอบญัตติล่าช้า: จากหนังสือด่วนที่สุด เลขที่ สผ 0014/2559 ลงวันที่ 7 มีนาคม 2568 ซึ่งอ้างถึงญัตติลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 นายเรืองไกรชี้ให้เห็นว่า
การแจ้งข้อบกพร่องในวันที่ 7 มีนาคม 2568 เป็นการตรวจสอบที่เกินกำหนด 7 วัน นับจากวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเป็นวันที่ประธานสภาฯ ได้รับญัตติ
ดังนั้น การอ้างว่าพบข้อบกพร่องเรื่องบุคคลภายนอก จึงอาจเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ และไม่เป็นกลาง ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 9
5. อำนาจหน้าที่ประธานสภาฯ: นายเรืองไกร อ้างอิงรัฐธรรมนูญ มาตรา 119 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติถึงอำนาจหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎรในการดำเนินกิจการของสภาฯ ให้เป็นไปตามข้อบังคับ
6. การกล่าวถึงบุคคลภายนอกในสภาฯ: นายเรืองไกร อ้างอิงรัฐธรรมนูญ มาตรา 124 วรรคสาม ที่ระบุว่า หากสมาชิกสภาฯ กล่าวถึงบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่รัฐมนตรี หรือสมาชิกสภาฯ
จนอาจได้รับความเสียหาย ประธานสภาฯ ต้องจัดให้มีการโฆษณาคำชี้แจงตามคำร้องขอของบุคคลนั้น แต่ไม่ได้ห้ามการกล่าวถึงบุคคลภายนอกในญัตติ
7. มาตรฐานทางจริยธรรม: นายเรืองไกร อ้างถึงมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ซึ่งมีผลบังคับใช้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย
โดยเฉพาะข้อกำหนดเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ยุติธรรม และไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง
8. สรุปเหตุผลร้องเรียน: จากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่กล่าวมา นายเรืองไกร เห็นว่า ข้ออ้างของประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ให้แก้ไขญัตติ อาจฟังไม่ขึ้น
และอาจมีเจตนาที่จะหาเหตุผลเพื่อไม่บรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยการอ้างข้อบังคับข้อ 176 ที่อาจไม่ถูกต้อง ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวอาจเข้าข่ายการจงใจฝ่าฝืนข้อบังคับ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เป็นกลาง
และเอื้อประโยชน์ให้นายกรัฐมนตรี ดังนั้น จึงมีเหตุอันควรให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่ามีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หรือฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมหรือไม่