posttoday

แบรนด์เพื่อความยั่งยืนกับ Concept ช่วยโลกที่น่าจับตามอง

09 พฤษภาคม 2565

แบรนด์รักษ์โลกจากต่างประเทศอาจมีให้เราได้พบเห็นกันจนเกือบจะชินตา แต่รู้หรือไม่ว่าฝั่งไทยเองก็มีแบรนด์สินค้าที่ก่อตั้งขึ้นมาโดยมี concept ลดการทำลายสิ่งแวดล้อม โดยทุกขั้นตอนของการผลิตมีความ eco-friendly มากๆ และยังสร้างความยั่งยืนกระจายสู่ชุมชนได้อีกด้วย

          แคมเปญรักษ์โลกจากแบรนด์สินค้าต่างๆมากมาย เริ่มพัฒนาและเข้ามีบทบาทกับวิถีชีวิตของเรามากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสินค้าสีเขียว (Green product) งดแจกถุงพลาสติก หรือสร้างกิจกรรมเพื่อกระตุ้นให้เกิดการรีไซเคิล ซึ่งต้องยอมรับว่ากิจกรรมเหล่านี้ได้รับเสียงตอบรับในทางบวกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกปี สิ่งเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ในขณะนี้เล็งเห็นถึงปัญหาของสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จนก่อให้เกิดกระแสปรับพฤติกรรมเพื่อลดการทำลายโลกและสิ่งแวดล้อม เรามาลองดูกันดีกว่าว่ามีแบรนด์ไหนบ้างที่มีส่วนผลักดันให้ลูกค้าเกิดความตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น บอกเลยว่าไม่ได้มีแค่แบรนด์จากต่างประเทศเท่านั้น แต่แบรนด์ไทยเองก็พัฒนาในด้านความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco-friendly) แบบก้าวกระโดดเช่นกัน! แบรนด์เพื่อความยั่งยืนกับ Concept ช่วยโลกที่น่าจับตามอง

  • Lush

          แบรนด์ชื่อดังจากเกาะอังกฤษ ที่ขึ้นชื่อเรื่อง eco-friendly เป็นอย่างมาก แถมในบ้านเราเองก็ให้เสียงตอบรับที่ดีไม้แพ้กันกับแบรนด์ ‘Lush’ ซึ่งส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์แต่ละตัวไม่เพียงแค่ดีต่อสิ่งแวดล้อม และไม่ทดลองกับสัตว์เท่านั้น แต่ Lush ยังออกแคมเปญเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญ "Go Naked with these packaging-free goodies" ซื้อผลิตภัณฑ์ใดๆก็ตามโดยไม่ต้องรับ Packaging ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของ Lush เพื่อลดขยะจากบรรจุภัณฑ์และช่วยให้สังคมตระหนักถึงธรรมชาติมากขึ้น

 

          การออกคอลเลกชั่น All the Wild Things จำหน่ายสบู่รูปหมีโคอาล่าเพื่อนำรายได้ไปบริจาคกับ Bush Animal Fund กองทุนช่วยเหลือสัตว์ที่ได้รับความเสียหายจากไฟป่าออสเตรเลีย หรือแม้กระทั่งแคมเปญ SOS Sumatra shampoo bar เพื่อช่วยทวงคืนถิ่นที่อยู่ให้กับลิงอุรังอุตัง โดยการทำแชมพูแบบไม่อาศัยน้ำมันที่ได้มาจากต้นปาล์ม พืชจากแหล่งที่อยู่ของอุรังอุตัง ขนาดนี้แล้วก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่าทางแบรนด์ Lush ยืนหยัดเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมหนักมากจริงๆ

แบรนด์เพื่อความยั่งยืนกับ Concept ช่วยโลกที่น่าจับตามอง

  • Innisfree

          Innisfree’  แบรนด์สัญชาติเกาหลีที่มีต้นกำเนิดมาจากเกาะเชจู เกาะที่เป็นดั่งมรดกล้ำค่าอุดมไปด้วยธรรมชาติ Innisfree เป็นแบรนด์เครื่องสำอางเกาหลีแบรนด์แรกที่ค้นหาส่วนผสมความงามอย่างสุขภาพดีจากวัตถุดิบอันบริสุทธิ์จากธรรมชาติ และยังเป็นแบรนด์ที่เน้น Eco Life มาก ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีมานี้ Innisfree ได้พัฒนาขวดผลิตภัณฑ์และแคมเปญต่างๆ เช่น แคมเปญรีไซเคิลขวดที่เปิดโอกาสให้ลูกค้านำขวดผลิตภัณฑ์เก่าที่ใช้หมดแล้วไปแลกเป็นแต้มสะสม ซึ่งตั้งแต่ปี 2003 – 2015 innisfree ได้รับขวดเปล่าทั้งหมดแล้วถึง 12,524,850 ขวด (ข้อมูลเฉพาะในประเทศเกาหลีใต้)

          หรือแคมเปญ Innisfree's Green Forrest ที่มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องผืนป่า นำสิ่งดีๆกลับสู่ธรรมชาติ เรียกคืนชีวิตให้กับป่าอีกครั้ง โดยเริ่มต้นโครงการครั้งแรกที่เกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะได้รับความนิยมและแพร่หลายต่อไปทั่วโลก นอกจากนี้ทางเว็บไซต์ของ Innisfree ก็มีการสร้าง Animation เพื่อสร้างความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมให้กับลูกค้า เช่น สาเหตุที่ทำให้ป่าไม้ทั่วโลกลดลง ต้องทำอย่างไรจึงจะฟื้นฟูป่าไม้ทั้งหมดได้ และยังมีกิจกรรม #BeGreenAgain ที่ร่วมปลูกป่าชายเลน โดยในปัจจุบันทาง Innisfree ได้ปลูกไปแล้วถึง 194,036 ต้น

 

แบรนด์เพื่อความยั่งยืนกับ Concept ช่วยโลกที่น่าจับตามอง

  • ECOALF

          แบรนด์เสื้อผ้าจากแดนกระทิงดุสเปนที่มาพร้อมกับสโลแกน เพราะโลกนี้ไม่มีใบที่สอง (Because there is no planet B) ‘ECOALF (อีโคอัลฟ์)’ ถือเป็นแบรนด์ที่เล็งเห็นถึงปัญหาขยะในทะเลและการใช้ทรัพยากรเกินความจำเป็น ดังนั้นแนวคิดแฟชั่นเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Fashion) จึงได้ถือกำเนิดขึ้น โดยการร่วมมือกับชาวประมงกว่า 3,000 คนที่สนับสนุนกิจกรรมเก็บขยะจากท้องทะเล ไม่ว่าจะเป็นขวดพลาสติก แห อวน ยางรถยนต์ หรือกากกาแฟ มาผ่านกระบวนการรีไซเคิลและแปลงเป็นเส้นใยที่สามารถถักทอขึ้นมาเป็นเสื้อผ้าที่มีความ unique ได้ ซึ่งในปัจจุบัน ECOALF เก็บขยะจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้แล้วกว่า 250 ตัน และในจำนวนนี้ขวดพลาสติกถูกนำไปรีไซเคิลแล้วมากกว่า 80 ล้านขวด และอวนจับปลาถูกนำไปแปรรูปแล้วกว่า 80 ตัน

แบรนด์เพื่อความยั่งยืนกับ Concept ช่วยโลกที่น่าจับตามอง

  • Origins

          Origins เป็นแบรนด์ที่มีจุดยืนหลักเรื่องการคืนชีวิตให้กับธรรมชาติ การใช้ผลิตภัณฑ์ของ Origins ไม่เพียงทำให้ผู้ใช้ได้ดูแลสุขภาพจากภายในและภายนอกเท่านั้น แต่ยังได้ร่วมอนุรักษ์ธรรมชาติไปพร้อมกับแบรนด์อีกด้วย การผลิตสินค้าออกมาแต่ละชิ้น Origins เลือกใช้พลังงานที่มาจากกังหันลมซึ่งเป็นพลังงานแบบยั่งยืน (Sustainability Energy) บรรจุภัณฑ์แต่ละชิ้นล้วนทำมาจากวัสดุที่รีไซเคิลได้ นอกจากนี้ยังมีแคมเปญ We’re rooted in nature ที่จับมือกับองค์กรระดับโลกอย่าง ‘โลก American Forests’ Global Releaf’ เพื่อปลูกต้นไม้ทดแทน เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กลับมาเหมือนมีชีวิตใหม่ ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2009 ที่แคมเปญเริ่มต้นขึ้นจนถึงขณะนี้ทางแบรนด์ได้ร่วมปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 2.12 ล้านต้นทั่วโลก

แบรนด์เพื่อความยั่งยืนกับ Concept ช่วยโลกที่น่าจับตามอง

  • Maddy Hopper

          มาดูฝั่งแบรนด์ไทยกันบ้างกับ Maddy Hopper แบรนด์รองเท้าผ้าใบที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนอย่างแท้จริง การดีไซน์ของตัวรองเท้าแม้จะมีความเรียบง่าย แต่รู้หรือไม่ว่าภายในนั้นซ่อนรายละเอียดเล็กๆไว้มากมาย เริ่มตั้งแต่ตัวรองเท้าที่ทำมาจากขวดพลาสติกที่ผ่านการรีไซเคิลมาแล้ว (rPET) พื้นรองเท้าจากเศษยางพาราเหลือใช้ในอุตสาหกรรม การตัดเย็บด้วยมือเพื่อลดการก่อรอยเท้าคาร์บอน (Carbon Footprint) ในส่วนของกล่องบรรจุภัณฑ์แม้วัสดุที่ใช้ห่อหุ้มจะดูละหม้ายคล้ายกับพลาสติก แต่จริงๆแล้วทำมาจากมันสำปะหลังและข้าวโพด ที่สามารถย่อยสลายเองได้ภายใน 180 วัน

          ทิศทางและความตั้งใจของ Maddy Hopper คือต้องการให้ทั้งในเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) และ Zero Waste เป็นเรื่องที่ใครๆก็สามารถจับต้องได้ ด้วยแนวคิดนี้ทำให้ทางแบรนด์ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีตั้งแต่เปิดตัวในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียช่วงปี 2563

แบรนด์เพื่อความยั่งยืนกับ Concept ช่วยโลกที่น่าจับตามอง

  • Taktai

          ท่ามกลางความวุ่นวายและรายล้อมไปด้วยตึกของกรุงเทพเมืองฟ้า เชื่อว่าหลายคนคงโหยหาสัมผัสจากธรรมชาติอันร่มรื่น ความสดชื่นที่ไม่ได้มาจากในห้องแอร์ และอยากอนุรักษ์ธรรมชาติให้ยังมีความบริสุทธิ์งดงามแบบนี้ตลอดไป แบรนด์ ‘Taktai (ทักทาย)’ เองก็เป็นหนึ่งในนั้น Taktai เป็นแบรนด์ไทยที่ผลิตเสื้อผ้าจากเส้นใยธรรมชาติอย่าง ‘ไผ่’ ถึงแม้หลายคนจะสงสัยว่าเส้นใยใผ่เมื่อมาถักทอเป็นเสื้อผ้าแล้วจะมีความทนทานจริงหรือ?  แต่ก็หายหนักใจกันไปได้เลยเพราะ Taktai เขาพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมเส้นใยไผ่มาเป็นอย่างดี เริ่มจากการต้มต้นไผ่ที่ปอกเปลือกแล้ว ณ อุณหภูมิ 192 องศาเซลเซียส จากนั้นใช้ไอน้ำแรงดันสูงเพื่อให้ต้นไผ่แตกออกเป็นเส้นใย จึงจะสามารถคัดแยกเส้นใยไผ่ที่มีความนุ่มมาปั่นเป็นเส้นด้าย และถักทอออกมาเป็นเสื้อผ้า

          จุดเด่นของการใช้เส้นใยไผ่คือเนื้อผ้าจะมีน้ำหนักเบา ยืดหยุ่นสูง ระบายอากาศได้ดี สามารถป้องกันแบคทีเรียได้แถมยังนุ่มสบายผิวทุกครั้งเมื่อสวมใส่ ซึ่งเหมาะกับอากาศเมืองไทยมาก นอกจากนี้ Taktai ยังใช้สีย้อมผ้าที่สกัดได้จากธรรมชาติเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าอีกด้วย

          ไม่เพียงแค่เสื้อผ้าเท่านั้น แต่สินค้าทุกชิ้นของ Taktai ยังส่งต่อความยั่งยืนออกไปสู่ชุมชน ตั้งแต่การปลูกไผ่ ขึ้นผ้า ทอลาย ย้อมสี ซึ่งช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน คุณภาพสินค้าใช้ได้นานโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบ่อยๆ ลดการสร้างขยะและทำลายสิ่งแวดล้อม เรียกได้ว่าคงคุณภาพระดับสากล แต่ยังอนุรักษ์ไว้ซึ่งความเป็นไทย ถือเป็นจุดเด่นที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครเลยทีเดียว

แบรนด์เพื่อความยั่งยืนกับ Concept ช่วยโลกที่น่าจับตามอง

  • ReReef

          ปัญหาปะการังฟอกขาวถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่ง นอกจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างฉับพลัน (Climate change) ที่ทำให้อุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้น สารเคมีจากครีมกันแดดที่นักท่องเที่ยวนิยมทากันก่อนลงไปดำน้ำ ก็ส่งผลกระทบต่อปะการังเช่นกัน

          ‘ReReef’ แบรนด์ไทยหัวใจรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้เล็งเห็นถึงผลกระทบดังกล่าวจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ ‘ครีมกันแดด’ ที่มีส่วนผสมมาจากธรรมชาติ 100% ปราศจากสารฟอกขาว เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสำคัญเลยคือไม่ทำร้ายปะการัง ซึ่ง ReReef ถือเป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกที่ผลิตครีมกันแดดแบบรักษ์โลกขึ้นมา

          นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังมีสินค้าที่ผลิตขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการเปลี่ยนแปลงปัญหาและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น หลอดทางเลือกเพื่อทำให้ผู้คนลดการใช้หลอดพลาสติก แปรงสีฟันและคอตตอนบัตจากไม้ไผ่ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายที่ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบระบายน้ำและแหล่งน้ำสาธารณะ

          จะเห็นได้ว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้หลากหลายแบรนด์ล้วนมีการปรับตัว พัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนของโลกและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นในอนาคตสินค้าเหล่านี้จะเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตเรามากขึ้น จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตใหม่ที่คนส่วนใหญ่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมกันจนไม่ใช่เรื่องแปลกตาอีกต่อไป

 

ข้อมูลอ้างอิง